เนื่องจากอายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ไม่อยากบอกเลยจริง ๆ ว่าได้ก้าวข้ามผ่านเลข 3 มาแล้ว T-T พัดเลยต้องจริงจังเรื่องการดูแลตัวเองมากเป็นพิเศษขึ้นมาอีกสเต็ปค่ะ หลังจากได้ยินกิติศัพท์ของ Thermage มาจากเพื่อนรุ่นพี่มาตลอดหลายปีที่ผ่านมาว่าช่วยยกกระชับผิว และยังกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเต่งตึงขึ้นอีกด้วย ตอนนี้ก็คงถึงเวลาที่จะต้องลองด้วยตัวเองแล้วค่ะ ถึงแม้ว่าตอนนี้พัดยังไม่ได้มีปัญหาเรื่องริ้วรอยหรือความหย่อนคล้อยของผิว แต่คุณหมอก็แนะนำว่าหลังอายุ 30 ปีเราควรจะต้องทำปีละครั้งเพื่อ maintain สภาพผิวของเราไม่ให้ร่วงโรยลงไปตามวัยและแรงดึงดูดของโลกค่ะ แล้วยังได้ของแถมคือจะช่วยให้รูปหน้าของเราเป๊ะมากขึ้นอีกด้วย wow!
เนื่องจากพัดเป็นลูกค้าประจำของ Meko Clinic อยู่แล้วครั้งนี้ก็เลยไม่รอช้ามาปรึกษากับคุณหมอคนสวยและแสนจะอัธยาศัยดี “คุณหมอเอมี่” ที่พัดใว้ใจให้ดูแลมาเป็นเวลาหลายปีค่ะ ไม่ว่าจะทำเลเซอร์หรือทรีทเม้นท์อะไรต้องให้หมอเอมี่ทำให้ตลอด อะไรดี อะไรไม่เหมาะไม่เวิร์ก หมอเอมี่จะแนะนำด้วยความจริงใจมาโดยตลอด ไม่ได้เชียร์ให้ทำทุกอย่าง ไม่ฮาร์ดเซล ร๊ากกกกกกก็ตรงนี้แหละ!! จนตอนนี้เหมือนเป็นเพื่อนสนิทกันไปแล้วค่ะ
เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ จากที่เคยได้ยินจากเพื่อน ๆ และรุ่นแม่ ๆ มาว่า Thermage นี่มันเจ็บม๊ากกสุดจะทนก็กล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะมาทำจนคุณหมอเอมี่บอกว่าตอนนี้ที่เมโกะมีเครื่อง Thermage รุ่นใหม่ซึ่งเจ็บน้อยลงและมีเทคนิคในการทำซึ่งจะช่วยให้ไม่ค่อยเจ็บแล้ว แต่เป็นเทคนิคของหมอแต่ละคนซึ่งถ้าไปทำกับหมอที่ไม่ชำนาญหรือไม่รู้เทคนิคการทำให้คนไข้ไม่เจ็บก็อาจจะทั้งเจ็บทั้ง burn หน้าไหม้เป็นสะเก็ดได้ค่ะ โอ้ยน่ากลัว แต่ว่าสบายใจได้เพราะหมอเอมี่ทำ Thermage มาแล้วหลายสิบเคส ในระยะเวลาไม่กี่เดือน(เพราะเครื่องพึ่งมาได้3-4เดือนเองค่ะ) เพื่อนพัดก็เคยมาทำThermageกับหมอเอมี่แล้วออกมาดีไม่มีปัญหา พัดเลยสบายใจขึ้นหน่อยและมาทำในที่สุดค่ะ สำหรับพัดเองยังไม่ได้มีปัญหาเรื่องริ้วรอยเท่าไหร่แต่ที่พัดอยากเน้นเป็นพิเศษก็คือเรื่องกรอบหน้า พัดเป็นคนผอมแต่มีแก้มและเหนียง เพราะฉะนั้นช่วงกรามพัดจะมีแต่ไขมันมองเห็นสันกรามกรอบหน้าไม่ชัด ถ่ายรูปด้านข้างแล้วเหมือนแก้มย้อย ซึ่งหมอเอมี่บอกว่าThermageช่วยได้แน่นอนเพราะนอกจะยกแก้มขึ้นแล้ว เนื้อตรงนี้ก็จะกระชับเข้ารูปมากขึ้น แล้วThermageยังช่วยลดไขมันได้นิดหน่อย พัดเลยขอให้หมอเอมี่เน้นช่วงแก้มส่วนล่างและเหนียงให้เป็นพิเศษค่ะ
เริ่มจากทำความสะอาดหน้าและคอ แล้วทายาชาก่อน 30-60 นาทีก่อนทำและยาชาจะออกฤทธิ์ต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ ใครกลัวเจ็บทิ้งไว้นานหน่อยซัก 60 นาทีให้ยาออกฤทธฺ์เต็มที่นะคะ พอยาออกฤทธิ์แล้วก็จะเริ่มกันโดยหมอจะลอกแผ่นตารางลงบนหน้าก่อนแล้วทาเจล แล้วก็เริ่มยิงทีละส่วน ของพัดทำ 600 shot ก็จะครอบคลุมแก้ม กรอบหน้า(ช่วงกรามและเหนียง) ใต้ตา ถ้าใครทำแบบ 1200 shot ก็จะรวมคอและหน้าผากด้วยค่ะ (จริง ๆ มีขาย 3 แบบนะคะ 600 shot, 900 shot, 1200 shot)
เสร็จแล้วบอกเลยว่าชิลล์ ๆ แทบจะไม่เจ็บเลยสบายมากกกกกก มีเจ็บบ้างแบบทนได้ตรงช่วงกราม และใต้คาง แค่นั้นจริง ๆ !!! เดี๋ยวเรามาดูผลลัพท์หลังจากทำไปแล้วกันค่ะ
ในรูปบน-ล่าง เรียงตามก่อน-หลังนะคะ แถวบนสุดคือรูปก่อนทำค่ะ แถวที่สองคือหลังจากทำไปแล้ว 1 เดือน แถวล่างสุดคือทำไปแล้ว 2 เดือน จะเห็นได้ชัดมากตรงกรอบหน้าว่าจากเดิมแก้มกับคอแทบจะเป็นแผ่นเดียวกัน (เศร้าโน๊ะ) ตอนนี้เห็นกรอบหน้าชัดมากกก
เป็นยังไงบ้างคะ หน้าดีขึ้นบ้างรึปล่าว ความรู้สึกส่วนตัวพัดคิดว่าตั้งแต่สัปดาห์แรกเห็นเลยว่าผิวหน้าอิ่มฟูขึ้น ผิวดูสดใส แล้วสังเกตได้ว่าหน้ายกกระชับขึ้นบ้างนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ยกกระชับขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าถามว่าพอใจมั้ยบอกเลยว่ามากกกก 555
จนถึงตอนนี้ก็ทำมาแล้ว 3 เดือนค่ะ มีแต่คนทักว่าผอมลงจริง ๆ น้ำหนักเท่าเดิมแต่เหนียงและแก้มที่ห้อยหายไปเลยดูหน้าเรียวขึ้น HAPPY !!
เมโกะคลินิคมีหลายสาขาค่ะ แต่พัดมาที่สาขา Centralworld เพราะว่าหมอเอมี่อยู่สาขานี้วันอาทิตย์วันเดียวเท่านั้นค่ะ ใครอยากทำลองมาปรึกษาที่คลินิกได้นะคะ แต่พัดว่าเลือกหมอที่ชำนาญนี่ก็สำคัญมาก ๆ เลยค่ะ เพราะถ้าหมอไม่ชำนาญนอกจากอาจจะไม่ได้ผลลัพท์ออกมาดีเท่าที่ควรแล้วยังเจ็บแถมยังเสี่ยงที่จะ burn อีกด้วย ไม่คุ้มเลยจริง ๆ ยังไงก่อนไปทำก็ศึกษาหาข้อมูลกันเยอะ ๆ ก่อนนะคะว่าเราเหมาะกับทรีทเมนท์ตัวไหน ตอบโจทย์ความต้องการจริง ๆ หรือเปล่าว ที่ไหนชำนาญ ปลอดภัย ได้มาตรฐานค่ะ