My In-Flight Skincare

พัดเป็นคนนึงค่ะที่ขึ้นเครื่องบินไฟลท์ยาว ๆ ทีไรหน้าพังทุกทีเพราะความกดอากาศและบนเครื่องอากาศแห้งมากกกกก เรียกว่าอีกวันแต่งหน้าไม่ติดเลยแล้วเป็นทุกครั้งแม้ว่าจะบำรุงทาครีมก็ตาม พัดเลยต้องสรรหาผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยให้ผิวเราสตรอง!! เพื่อให้ลงมาจากเครื่องแล้วผิวก็ยังดีอยู่แต่งหน้าได้ตามปกติไม่ต้องพักฟื้นไปหลายวันค่ะ หลังจากลองมาสาระพัดสิ่งวันนี้จะมาแชร์ให้ฟังค่ะว่าอะไรบ้างที่พัดต้องพกขึ้นเครื่องตลอด และอะไรที่เอาอยู่ค่ะ

*สภาพผิวของพัดคือ “ผิวแห้งและแพ้ง่าย” ค่ะ skincare ทั้งหมดที่จะพูดถึงคือสิ่งที่พัดใช้เองแล้วเหมาะกับผิวของพัดนะคะ*

อันแรกเลยก็คือ cleansing ค่ะ อยู่บนเครื่องแน่นอนค่ะว่าจะต้องล้างหน้าให้สะอาดพร้อมรับการบำรุงอย่างเต็มที่ พัดไม่แนะนำให้แต่งหน้าตลอดไฟลท์นะคะถ้าคุณไม่ใช่แอร์โฮสเตสเพราะจะเป็นการทำร้ายผิวมาก ๆ ค่ะ ยกเว้นไฟลท์สั้น ๆ ไม่เกิน 4 ชั่วโมงพอได้อยู่ค่ะ สำหรับพัดที่สะดวกที่สุดก็เป็น Make up cleansing wipe แบบเช็ดได้ทั้งหน้าและรอบดวงตา พัดชอบของ Biore เพราะเช็ดสะอาดและขนาดซองเล็กพกง่ายมาก ๆ ค่ะ อีกยี่ห้อที่ชอบก็คือ Bifesta จริง ๆ ปกติชอบ cleansing water ของเค้าอยู่แล้ว เช็ดได้สะอาดและไม่แพ้ไม่ต้องล้างน้ำซ้ำแต่ห่อจะใหญ่กว่าของ Biore ค่ะ แถมทั้ง 2 ยี่ห้อก็ราคาน่ารักมาก ๆ ค่ะ

สำหรับวันที่แต่งหน้าจัดหนักจัดเต็มมาก่อนขึ้นเครื่องพัดใช้ cleansing oil ของ Shu Uemura ที่เป็น travel size ค่ะ จะมีขายตามสนามบินเป็นแพ็กมี 4 ขวดเล็ก พัดชอบ cleansing oil ยี่ห้อนี้ที่สุดและใช้เป็นประจำอยู่แล้วค่ะ ล้างได้สะอาดหมดจดในขั้นตอนเดียว ล้างเสร็จแล้วไม่รู้สึกผิวแห้งตึง และที่สำคัญเป็นออยยี่ห้อเดียวที่ใช้แล้วไม่แสบตาค่ะ

จากนั้นพัดจะมาสก์หน้าด้วย Mask Sheet ค่ะ ที่พัดพกขึ้นเครื่องประจำก็คือ Neutrogena Hydro Boost Mask เป็นรุ่นที่เติมน้ำให้ผิว มาสก์ทิ้งไว้ 15-20 นาที มาสก์เสร็จเครื่องก็ take-off เสร็จพอดีพร้อมบำรุงต่อแล้วนอน พัดรู้สึกว่ารุ่นนี้ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นได้ค่อนข้างดีแล้วยังหาซื้อง่ายมาก ๆ ที่สนามบินก็มีแถมยังแยกขายเป็นซอง ๆ ด้วยวันไหนลืมพกมาจากบ้านหรือเผลอโหลดลงกระเป๋าไปก็ยังหาซื้อทันค่ะ

ยังไม่หมดค่ะแค่ sheet mask ยังไม่พอค่ะ ต่อด้วย sleeping mask ของ Fresh “Black Tea Firming Overnight Mask” อันนี้เลิฟม๊ากกกกกกก คือดีมากวันไหนทาตัวนี้ตื่นเช้ามาหน้ายังชุ่มชื่นอยู่ รู้สึกได้ว่าผิวเด้งดึ๋ง แล้วกลิ่นคือหอมมากทาแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ลอง sleeping mask มาหลายตัวแต่รักอันนี้ที่สุด ตัวนี้นอกจากช่วยเรื่องความชุ่มชื้นของผิวแล้วยังช่วยลดเลือนริ้วรอยและความกระชับยืดหยุ่นของผิวด้วยค่ะ

อย่าพึ่งคิดว่าจะหมดแค่นี้ค่ะพัดยังมีไม้ตายอีกตัวค่ะบางครั้งแค่นี้ยังไม่พอโดยเฉพาะไฟลท์ยาว ๆ โปะอันนี้ไปเลยค่ะ Elizabeth Arden 8 Hour Cream ทางบาง ๆ ก็พอค่ะตัวนี้จะเหนียวมากแต่ช่วยเคลือบผิวเอาไว้ไม่ให้ความชุ่มชื้นหายไปค่ะ พัดใช้วิธีวอร์มบนมือก่อนแล้วค่อยกดเบา ๆ ลงบนหน้าให้ทั่วค่ะ ตัวนี้เริ่ดอีกอย่างคือทาได้ทั้งหน้า ตัว ปากก็ได้ค่ะ อันนี้เอาอยู่จริง ๆ ลงจากเครื่องผิวยังเด้งอยู่เลยค่ะ พัดผิวแห้งมาก ๆ อยู่บนเครื่อง hand cream ธรรมดาเอาไม่อยู่ค่ะต้องใช้ตัวนี้ช่วยด้วย

สำหรับ skincare ไลน์ 8 Hour ของ Elizabeth Arden สามารถหาซื้อได้ที่ duty free ตามสนามบินเกือบทุกประเทศเลยไปที่ไหนก็เจอค่ะ

ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือผิวรอบดวงตาค่ะเพราะส่วนนี้จะแห้งกว่าส่วนอื่น ๆ บนใบหน้า พัดใช้ Estee Lauder Advanced Night Repair Eye Cream เป็น eye cream ที่รักมากที่สุด ณ ตอนนี้ค่ะ นอกจากให้ความชุ่มชื้นแล้วยังช่วยเรื่องริ้วรอยด้วยค่ะ

ที่ใคร ๆ หลายคนอาจจะมองข้ามไปก็คือริมฝีปากค่ะ สำหรับคนที่ปากแห้งตลอดกาลแบบพัดลิปบาล์มนี่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยค่ะ ยี่ห้อไหนที่ใคร ๆ ว่าเจ๋งก็เอาไม่อยู่ มีแค่ 2 อันนี้เท่านั้นก็คือ Elizabeth Arden 8 Hour Lip Balm และ Fresh Sugar Lip Treatment Advanced Therapy ค่ะ รักทั้ง 2 อันเลือกไม่ถูกจริง ๆ

สุดท้ายแล้วก็คือ hand cream ค่ะ ที่พัดใว้ใจมายาวนานก็คือ Crabtree & Evelyn Ultra-Moisturising Hand Therapy พัดว่าเป็น hand cream ที่ดีที่สุดที่เคยใช้มาเลย textureดีมาก ให้ความชุ่มชื้นดีสุด ๆ ทาแล้วมือนุ่มแต่ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะใว้เลยค่ะ แล้วก็มีกลิ่นให้เลือกเยอะม๊ากกก

ถึงเราจะจัดเต็มบำรุงผิวขนาดไหนแต่ที่สำคัญที่สุดที่ต้องไม่ลืมก็คือต้องดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ ค่ะ อย่ากลัวว่าจะต้องเข้าห้องน้ำบ่อย และไม่ควรทานอาหารเค็มเพราะการทานเค็มและขาดน้ำจะทำให้เราบวมน้ำ ไปเที่ยวหน้าบวมถ่ายรูปไม่สวยนะคะ(เคยมาแล้วค่ะ555 แถมหลายวันกว่าจะหาย T-T)แล้วอย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอนะคะหน้าตาผิวพรรณจะได้สดใส เที่ยวทั้งทีรูปเราต้องเป๊ะปังค่ะ !

Photo Credit :