Hoshino Resort Tomamu

พัดเองชอบญี่ปุ่นม๊ากกกเป็นทุนเดิม  พอสกีรีสอร์ท “Hoshino Resort Tomamu” ที่ฮอกไกโดเชิญไปพัก 4 วัน 3 คืนพัดจึงไม่รอช้าที่จะตอบรับไปแบบไม่ต้องคิดมากค่ะ  ถึงแม้ตัวพัดเองจะไม่เล่นสกีแต่ที่ Hoshino Resort Tomamu มีกิจกรรมเยอะมากกกกเรียกว่าไม่ต้องกลัวเบื่อเลยทีเดียว แบบนี้แล้วจะรีรออะไรก็ต้องไปสิคะ

ที่รีสอร์ทจะมีรถ shuttle bus รับส่งไป-กลับทั้งจากสนามบิน New Chitose และในตัวเมืองซัปโปโรค่ะ  แผนเดิมพัดตั้งใจจะไปจากสนามบินแต่ดันจองตั๋วผิดวันไปถึงก่อนวันเข้าพักพัดเลยต้องเปลี่ยนแผนไปนอนในเมืองก่อน 1 คืนที่โรงแรม “Hotel Mystays Premier Sapporo Park” เพราะว่ามีรถ shuttle bus ของรีสอร์ทมาจอดรับที่นี่ค่ะ  เค้าจะจอดรับแค่ 3 โรงแรมเท่านั้น แถมยังมารับแต่เช้าตรู่  พัดเช็คทั้ง 3 โรงแรมแล้วพัดว่าโรงแรมนี้ดูหน้าตาดีสุดพัดเลยเลือกพักที่นี่ค่ะ  ราคาน่ารักห้องก็ถือว่าใช้ได้เลยมี space ไม่อึดอัดคับแคบและสะอาดค่ะ มีออนเซ็นให้แช่ด้วย  ข้อเสียคือเก่าไปหน่อยแล้วก็ถ้าจะเข้าเมืองเดินไกลไปนิดค่ะแต่อยู่ในระยะเดินได้นะคะ

Day 1

ที่ Hoshino Resort Tomamu เป็นเหมือนเมืองเล็ก ๆ เมืองนึงที่มีทุกอย่างเลยค่ะมีโรงแรมถึง 2 โรงแรมแล้วก็ยังมีร้านอาหารอีกกว่า 20 ร้านอีกด้วย  อาหารมีทุกแนวจริง ๆ ใครชอบแบบไหนเลือกกันได้ตามใจชอบเลย  จะร้านบ้าน ๆ แบบราเมง ข้าวหมูทอด donbori แกงกะหรี่ญี่ปุ่น หรือจะร้านหรูเช่น lounge บนชั้น 32 เห็นวิวแบบ panorama ร้านบุฟเฟต์ปูกับเนื้อวากิวก็มี  เยอะมากจนบรรยายไม่หมดพัดเองก็ยังไปไม่ครบค่ะ  และที่สำคัญสำหรับคนขี้หนาวแบบพัดสบายใจไปอีกหนึ่งเปลาะเพราะว่าที่นี่เค้ามีอุโมงค์ทางเดินเชื่อมระหว่างเกือบทุกตึกไม่ต้องออกไปเดินสะท้านลมหนาวข้างนอกค่ะ  และมี shuttle bus รับส่งระหว่างแต่ละสถานที่ด้วยสำหรับใครที่ขี้เกียจเดิน

 

หลังจากขึ้นรถมาถึงที่ Hoshino Resort Tomamu ประมาณ 10.30 น. ทางโรงแรมได้จัดห้องพักไว้ให้พัดที่ The Resonare ค่ะ  ที่ Hoshino Resort Tomamu เค้าจะมี 2 property คือ The Tower (มี 2 ตึกรวม 500 ห้อง) และ  The Resonare ( มี 2 ตึกรวม 300 ห้อง) ซึ่งคือตึกที่พัดพักค่ะจะหรูกว่าห้องพักใหญ่กว่ามาก ประมาณ 110 ตรม. เลยทีเดียว  แยกห้องนอน ห้องนั่งเล่น และที่เด็ดคือห้องน้ำใหญ่ม๊าก  มี sauna และอ่าง jacuzzi มองเห็นวิวภูเขาด้วยดีงามสุด ๆ

 

พัดมาถึงมื้อแรกที่ไปทานก็คือ “Tsubaki Salon” ค่ะเป็น lounge อยู่บนชั้น 32 ของ The Resonare วิวดีมากกกกกก ใครที่มาพัดว่าต้องมาร้านนี้เลย “It’s a must” อาหารก็จะมีเมนูไม่เยอะมากค่ะส่วนมากเป็นอาหารฝรั่งเช่น pasta, sandwich, steak

 

จากนั้นก็ไปขึ้น snowmobile กันค่ะซ้อนท้ายไปไม่ได้ขับไปเองคนขับก็พาขับตะลุยหิมะเข้าไปไปจอดหน้าเต้นท์กระโจมกลางหิมะ  นี่พาชั้นมาทำอะไรที่นี่!! ที่แท้เค้าพาเรามาทำขนม “Baumkuchen” ค่ะ  หรือ “Tree Cake” เป็นขนมของเยอรมันที่เป็นที่นิยมมากในญี่ปุ่นค่ะ  เป็นเค้กที่มีเลเยอร์หลาย ๆ ชั้นเป็นวง ๆ เหมือนขอนไม้ค่ะ  วันนี้ที่ทำมีทั้งหมด 10 ชั้นเมื่อยแขนกันเลยทีเดียวเพราะต้องเอาแป้งมาเคลือบแท่งไม้แล้วค่อย ๆ หมุนย่างทีละชั้นทีละชั้น  พอทำเสร็จเค้าก็จะเอาออกมาหั่นเป็นแว่น ๆ ให้เราทานกับชาร้อน ๆ ค่ะ  เอ้ออมันก็อร่อยดีนะ  พัดเคยทานแบบที่เป็นของฝากขายตามสนามบินอันนั้นไม่อร่อยเลยทานคำเดียว จอ บอ บอกเลย

จากนั้นขากลับก็เล่น Rafting เป็นเรือยางให้เข้าไปนั่งได้ประมาณ 5 คนแล้วก็ใช้ snowmobile ลากค่ะ  สนุกดีนะพัดชอบ XD

 

เผลอแป๊บ ๆ อ้าวกินอีกแล้ว  มื้อเย็นวันนี้เราไปจัดบุฟเฟต์ปูและเนื้อวากิวกันค่ะที่ห้องอาหาร “Hal” ซึ่งแปลว่าเสบียงอาหารจากความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติในภาษาไอนุ  นอกจากปูและเนื้อแล้วก็ยังมีอาหารอีกหลายอย่างเช่น ซูชิ ข้าวแกงกะหรี่ อุด้งเทมปุระผัก(อันนี้พัดชอบ)  ซุป สลัด ขนม มากมายก่ายกอง  ราคาก็โอเคเลยประมาณ 5000 เยนต่อคน

 

Day 2

ห้องพักที่นี่จะรวมอาหารเช้าด้วยค่ะ  เป็นบุฟเฟ่ต์มีหลายห้องอาหารแล้วแต่เราจะเลือกทานเลย  วันนี้พัดมาทานที่ “Platinum” อยู่ที่ชั้น 32 ของ Resonare อีกเหมือนกัน วิวดี๊ดีย์เหมือนเดิม  ที่พัดประทับใจมากๆๆๆๆๆ ก็คือ “French Toast” แบบญี่ปุ่นของที่นี่  ดีงามเกินบรรยาย  ปกติไม่ค่อยชอบทาน French Toast นะแต่อันนี้ต้องยกให้  อร่อยที่สุดที่เคยทานมาในชีวิต  ด้านนอกเกรียมนิด ๆ แต่ด้านในเนื้อชุ่มฉ่ำเด้งดึ๋งเหมือนพุดดิ้งค่ะ  มาซ้ำ 2 วันติดบอกเลย 555

และที่พัดชอบอีกอย่างก็คือ Omelette แบบญี่ปุ่น ด้านในจะเป็นไข่ผสมชีสเหลว ๆ คล้าย ๆ ข้าวไข่ข้นบ้านเรา  มีซอสให้ราด 3 แบบคือซอสมะเขือเทศ, demi glaze, และซอสเห็ด พัดชอบซอสเห็ดมากสุดค่ะ

 

วันนี้เราจะไปเล่น “Banana Boat” และขับ “Snowmobile” กันค่ะ  เริ่มจาก Banana Boat ก่อนพัดว่าอันนี้สนุกและดีมากเลยคือเหมือนได้ชมวิวรอบ ๆ รีสอร์ทไปด้วย  แล้วคนขับเค้าจะไปจอดให้ลงไปถ่ายรูปด้วยค่ะ  หลังจากนั้นกลับมาตรงที่จอดเค้าจะมาสอนวิธีขับ snowmobile แล้วก็ขับนำเราไป  มีแวะให้ถ่ายรูปอีกเหมือนกัน  คนสอนและคนขับนำพูดภาษาอังกฤษได้คล่องมากไม่ต้องกลัวจะคุยไม่รู้เรื่องนะคะ

 

มาถึงมื้อกลางวันตรงที่จอด snowmobile มีคาเฟ่ชื่อ “Green Kitchen” ค่ะ  เป็นอาหารง่าย ๆ พัดสั่ง ข้าวหน้าหมูย่าง อร่อยมาก ๆ  แซนวิชหมูทอด  และเนื้อวากิวกับผักย่าง อันนี้ก็ดีงาม และ kitchen salad จบด้วยของหวาน “Mascarpone Affogato” เป็นไอศครีมชีสมาสคาร์โปเน่ ราดด้วยกาแฟ espresso เลิฟฟฟฟ

 

หลังจากกินอิ่มจนตัวจะแตกคนอื่นเค้าไปเล่น ski กับ snowboard กันส่วนพัดก็กลับห้องไปโยคะซะหน่อย  ยืดเส้นยืดสายออกกำลังบ้างไรบ้าง

 

ส่วนเพื่อนที่มากับพัดนั้นบ้าเล่น snowboard อยู่แล้วเป็นทุนเดิมมารอบนี้ที่รีสอร์ทมี private class สอนกันแบบตัวต่อตัวด้วยนางเลยจัดไป 2 ชั่วโมงแล้วเล่นต่อเองอีกถึงเย็น  ฟินม๊ากกกก

 

เย็นวันนี้เราไปทานที่ร้าน “Hokkaido Bar” (Hokkaido Wine and Charcoal Grill) เป็นพวกอาหารปิ้ง ๆ เสียบไม้  ร้านนี้พัดว่ารสชาติเฉย ๆ

 

day 3

หลังจากทานอาหารเช้าวันนี้เราจะขึ้นกระเช้า gondola ขึ้นไปบนภูเขากันค่ะ  คนดูแลพัดที่นี่เตือนพัดแต่เช้าว่ามันหนาวมากนะยู  ใส่ชุดสกีจัดเต็มเถอะนะ  นางรู้ว่าพัดห่วงสวยมาก555  บอกให้ใส่ชุดสกีตั้งแต่วันแรกไม่ค่อยจะยอมใส่  แต่เพราะวันนี้เราจะขึ้น gondola ไปยอดเขาแล้วต้องเดินลุยหิมะต่อไปยัง “Terrace of Frost Tree” เป็นระเบียงยื่นออกไปนอกหน้าผาเพื่อชมวิวค่ะอันนี้พัดว่าเป็น highlight ของที่นี่เลยนะ  พัดเลยต้องจัดเต็มชุดสกีตั้งแต่หัวจรดเท้ามันอุ่นมากจริง ๆ แต่โชคร้ายวันนี้หิมะตกหนักมากกกกกก มองแทบไม่เห็นวิวอะไรเลย แง  ถ่ายรูปมาเลยเห็นแต่หมอกกับหิมะ

 

หลังจากลุยหิมะเหน็บหนาวแล้วรู้สึกว่าชีวิตต้องการซุปร้อน ๆ พัดเลยไป “Foresta Mall” เป็นคล้าย ๆ community mall มีร้านอาหารอยู่หลายร้านค่ะ  วันนี้พัดไปทานร้าน “Soup Curry” จียอนคนดูแลพัดบอกว่าเป็นร้านเด็ดของฮอกไกโด พัดสั่ง sausage and cheese puff มีแป้งพายกรุบ ๆ มัน ๆ หุ้ม  ด้านในเป็นซุปแกงกะหรี่ใส่ไส้กรอก มันฝรั่ง และชีส เสิร์ฟมาพร้อมข้าวสวยค่ะ  รสชาติดีเหมาะกับอากาศหนาว ๆ แบบนี้มาก  และเครื่องดื่มชื่อแปลก ๆ จำไม่ได้ว่าชื่ออะไรเป็นเครื่องดื่มlocal ออกมาชิมแล้วเป็นนมเปรี้ยวนั่นแหละ

 

ที่นี่มีสระว่ายน้ำด้วยนาาาา เป็นสระที่มีคลื่นเทียมใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียวชื่อว่า “Minamina Beach” เป็นสระน้ำอุ่นค่ะ  มี jacuzzi ด้วยนะคะ  คนอื่นเค้าไปสกีกันเราก็ต้องหาอะไรทำพัดตั้งอกตั้งใจอย่างดีว่าจะไปเล่นน้ำหอบชุดว่ายน้ำมาถึงสระแต่ถึงเวลาก็ถอดใจขี้เกียจเปลี่ยนชุดซะงั้น ก็ที่ใส่มามันตั้ง 4-5 ชั้น!! แค่คิดก็เหนื่อย

 

ช่วงเย็นก่อนไปทานอาหารพัดไปเดินเล่นที่ “Ice Village” หนาวสะพรึง -4 องศา  ที่ Ice Village ก็จะมี Ice Bar, ร้านขายของ, ร้านขนม มี Macaron และ Marshmallow เสียบไม้ให้เอาไปย่างข้างหน้าโดม  จริง ๆ มีแต่เด็ก ๆ เค้ามาปิ้งกันแต่พัดสนที่ไหนล่ะ ขอปิ้งบ้าง 555

 

จากนั้นก็ไปทาน Donburi หรือข้าวหน้าปลาดิบที่ร้าน “Sakura Sushi & Tempura” อยู่ Foresta mall อีกเช่นกันตอนแรกก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับร้านนี้เพราะเห็นว่าเป็นร้านในโรงแรมแต่คือรสชาติดีมาก สด อร่อย uni หวานไม่คาว หอยเชลล์ก็ดีงาม แล้วให้หน้ามาอย่างเยอะไม่หวงเลย  สามารถเลือกขนาดได้ด้วยค่ะมี 3 ขนาด donburi จะเสิร์ฟมากับซุปปูด้วยค่ะ และหนวดปลาหมึกทอดที่สั่งมาก็อร่อย    ประทับใจร้านนี้มาก

 

Day 4

วันนี้วันสุดท้ายแล้วขอเปลี่ยนมาทานอาหารเช้าที่ร้าน “Nininupuri” กันบ้าง  หลังจากเดินผ่านไปผ่านมาหลายรอบแล้วรู้สึกว่าร้านนี้น่านั่งมาก เก๋ไก๋ตรงที่เป็นกระจกใสโดยรอบอยู่ในป่าสน  ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติสุด ๆ อาหารที่นี่เค้าเป็นบุฟเฟ่ทั้งเช้าและเย็นค่ะ

 

หลังจากนั้นพัดก็นั่ง shuttle bus ของโรงแรมไปส่งที่สนามบินก่อนที่จะนั่งรถไฟต่อเข้าเมืองค่ะ  เดี๋ยว article หน้าจะมาต่อกันที่ “Sapporo” นะคะ

โดยรวมพัดประทับใจโรงแรมนี้มาก  ไม่มีวันไหนเบื่อเลยมีอะไรให้ทำตลอด  อาหารก็สาระพัดเปลี่ยนร้านไปเรื่อย  และที่ต้องชมเชยก็คือการบริการของพนักงานทุกคนที่นี่ดีมาก ๆ ค่ะ service-mind เป็นเลิศ

Transportation

สำหรับใครที่อยากมา Hoshino Resort Tomamu พัดว่าการเดินทางสะดวกมาก ๆ โดยเฉพาะถ้ามาจากสนามบินมีรอบ shuttle bus เยอะมาก ๆ ค่ะ แทบทุกชั่วโมงเลย  ส่วนใครที่ไม่ได้นอนพักที่นี่แต่อยากมาเที่ยวเฉย ๆ หรือจะมาจากในเมืองที่รีสอร์ทมี shuttle bus รับจากในเมืองช่วงเช้าประมาณ 8 โมง และไปส่งในเมืองออกจากรีสอร์ทประมาณ 1 ทุ่มวันละรอบ  ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ

Accommodation

The Tower ห้องจะเล็กกว่าแต่ราคาถูกกว่า ส่วน The Rosonare ห้องจะใหญ่กว่ามาก หรูหรากว่า ราคาสูงกว่า ค่าห้องพักจะรวมอาหารเช้าและเย็นทุกวันโดยให้มาเป็นคูปองตามจำนวนคนและวัน  ห้ามทำหายนะคะ  และนอกจากนั้นยังรวมอุปกรณ์และชุดสกีให้ด้วยค่ะ  สามารถไปเช่าได้ที่ชั้นลอบบี้ของโรงแรมเลยสะดวกมาก มีทุกไซส์

พัดชอบที่ The Rosonare มาก ๆ ตรงที่ห้องพักกว้างขวางมากอยู่สบ๊าย ปกติห้องพักที่ญี่ปุ่นมักจะเล็ก ๆ แคบ ๆ ประหยัดพื้นที่แต่ที่นี่ไม่เลย  แล้วมีกิจกรรมเยอะแยะมากมาย  จริง ๆ แล้วเพื่อน ๆ พัดชวนพัดไปสกีทริปกันทุกปีแต่พัดไม่เคยยอมไปด้วยเลยเพราะกลัวเบื่อไม่มีอะไรให้ทำ แต่ที่นี่คนไม่เล่นสกีก็มาได้  แล้วพัดว่าเหมาะกับคนที่มาเป็นครอบครัวมาก ๆ ค่ะเพราะมีกิจกรรมที่เหมาะกับเด็กเต็มไปหมดพัดว่าเด็ก ๆ ต้องชอบมาก  แล้วยังมีห้องพักแบบ family room 2 ห้องนอนด้วย  สำหรับคนที่ชอบเล่นสกีและ snowboard น่าจะถูกใจยิ่งกว่าเพราะสามารถสกีลงมาถึงโรงแรมหน้าที่พักได้เลยค่ะสะดวกมาก

Where to Eat

ห้องอาหารที่สามารถใช้คูปองได้มีอยู่หลายห้องเหมือนกันค่ะแต่ถ้าใครเบื่อที่รีสอร์ตก็ยังมีร้านอาหารอีกเยอะมาก ๆ รวม 20 กว่าร้านเลยทีเดียว  อย่างที่บอกไปมีหลายแนวหลายสไตล์มาก ๆ ที่พัดชอบและอยากแนะนำร้านอรกคือ Salon บรรยากาศดี สงบ และวิวดีมากอยู่ชั้น 32 ที่ The Rosonare ร้านที่สอง Sakura  donburi คุณภาพดี สด อร่อย ราคาไม่โหด บรรยากาศบ้าน ๆ สบาย ๆ อยู่ที่ Foresta Mall อีกร้านคือ Green Kitchen ร้านคาเฟ่เล็ก ๆ ที่รสชาติไม่เล็ก  สำหรับอาหารเช้าต้องที่ห้องอาหาร Platinum เลยนอกจากวิวดีเว่อร์แล้วพัดอยากให้ไปลอง french toast ของเค้าจริง ๆ และสุดท้าย Nininupuri ห้องอาหารในบรรยากาศป่าสน พัดชอบบรรยากาศเป็นพิเศษ รสชาติไม่ขี้เหร่แถมอันนี้ใช้คูปองได้ด้วยค่ะ

What to Wear

พัดไปช่วงปลายมีนาคมคิดว่าจะอุ่นขึ้นแต่เปล่าเลยหนาวสุดพลัง 0 องศาเซลเซียสถึง -12 เสื้อผ้านี่เลเยอร์ไม่รู้กี่ชั้นต่อกี่ชั้น ทั้ง heat-tech แบบ extra warm ทับด้วย sweater คอเต่า ต่อด้วยเสื้อกันหนาวขนเป็ด  กางเกงลองจอน heat-tech ทับด้วยกางเกงวอร์มหรือเลกกิ้งแบบหนา รองเท้าต้องบู้ทเท่านั้นไม่งั้นเอาไม่อยู่ค่ะ  พัดว่าผ้าใบไม่ไหว  ถ้าออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งก็ลืมความสวยงามไปก่อนค่ะต้องเพิ่มเสื้อสกี กางเกงสกี และเปลี่ยนรองเท้าเป็นรองเท้าสกี  รับรองเดินลุยหิมะฉลุยแน่นอนอยู่ได้เป็นชั่วโมง ๆ ค่ะ

You may also like