Sapporo

คราวก่อนเขียนเรื่อง “Tomamu” ไปสัญญาแล้วว่าจะมาต่อarticle “Sapporo” อยากจะบอกว่าเป็นทริปเน้นกินไม่ค่อยเน้นเที่ยว  ใครตั้งใจมาดูสถานที่ท่องเที่ยวน่าจะเซ็งแน่ ๆ ค่ะ555  เนื่องจากว่าทริปนี้ขี้เกียจหนักมากแผนการที่วางไว้ว่าจะไปเที่ยวนั่นนู่นนี่เลยถูกล้มเลิกแล้วแทนที่ด้วยการ กิน กิน แล้วก็กิน  กินจนตัวจะแตกกันไปข้างนึงเลยทีเดียว  ว่าแล้วก็เริ่มกันเล้ยยยย

ทริปนี้พัดประทับใจตั้งแต่ยังไม่ถึงเลยค่ะ  เรื่องแรกคือก่อนพัดจะถึงพอใกล้ถึงสนามบิน Nagoya ที่พัดไป transit พอเครื่องเริ่มลดระดับ  พัดมองผ่านหน้าต่างลงมาคือสวยมากทุกอย่างเป็นสีฟ้ากับสีขาว  รีบควักกล้องออกมาถ่ายรูปทันทีค่ะ แล้วที่สนามบินนี้ร้านอาหารเยอะมากกกก น่าทานไปหมด  พัดเลยแวะทานขนมจิบชาซะหน่อย  ร้านที่แวะวันนี้ก็ไม่พ้นร้านชาเขียวค่ะ  ฟินกันไปตั้งแต่ยังไม่ถึงซัปโปโรเลยทีเดียว

 

พัดอยู่ที่ซัปโปโรทั้งหมด 3 คืนค่ะ  วันแรกไม่ได้ทำอะไรมากจริง ๆ แล้วที่วันแรกต้องอยู่ซัปโปโรเพราะจองตั๋วผิดวัน จะไป Tomamu ก่อนแต่ดั๊นมาถึงก่อน 1 วัน  รอบหลังจากกลับจาก Tomamu นี่แหละที่จะตะลุยกิน + เที่ยวซัปโปโรจริงจรัง

วันแรกนี้พัดไปทานอาหารฝรั่งเศสที่เคยได้ Michelin แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว  เพื่อนพัดแนะนำมาค่ะว่าดีงามแถมราคาไม่แรงมากเราก็ต้องลอง  ร้านนี้ชื่อ “Mikuni” บรรยากาศขลัง ๆ สไตล์ร้านอาหารฝรั่งยุคเก่า  บริการก็ดีสมกับที่เคยได้ Michelin ค่ะ

มาว่ากันด้วยเรื่องอาหารเค้ากันดีกว่าค่ะ  พัดสั่งเป็นคอร์สที่เป็นเมนูแนะนำของร้าน  มี “Amuse bouche”, “Pate of venison, duck and Iberian pork in baked pie wrap” ส่วน main dish เป็น “Grill fillet of Hokkaido beef with seasonal vegetables,  meet juice and red wine sauce” ต่อด้วย “Cheese of the day” และ “Marinade strawberry and kumquat lemon and lime sorbet with pepper caviar” ส่วนของหวานเป็น “Chocolate tart with Kalua ice-cream”อร่อยมากค่ะ จบที่ “Tea and mignardises” ส่วนคนข้าง ๆ สั่งเป็น a la carte มี “Seafood jelly of hairy crab, sea urchin, scallop and whelk with white asparagus bavarois and veloute” หน้าตาสวยงามมากและ “Pan fried fillet of Hokkaido beef, ‘Rossini’, with seasonal vegetables, perigueux sauce” มีฟัวกราส์และทรัฟเฟิดด้วยซึ่งอร่อยกว่าเนื้อในเซ็ต!! คืออะไรทำไมเป็นงี้  รวม ๆ แล้วก็รสชาติดีนะพัดชอบเมนู a la carte ที่สั่งมาและขนมทุกอย่าง  ขนมอร่อยมาก  แต่อาหารในคอร์สรู้สึกว่ายังไม่สุดค่ะ

Location : ชั้น 9 Stellar Place

 

สำหรับที่พักพัดพักที่ “Cross Hotel”  พัดชอบที่นี่นะ  อันแรกเลยดีไซน์สวยงามทันสมัยดูสนุกสนานเป็นโรงแรมที่ lively มาก ๆ และ location ของโรงแรมนี้ถือว่าดีที่เดียว  ห่างจาก JR Station และห้างดัง Daimaru, Stellar Place, และ Esta แค่ 500 เมตร  ลากกระเป๋าเดินทางมากจากสถานี JR ได้อยู่ไม่เหนื่อยจนเกินไป  (แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่พัดมาด้วยพัดถูกบ่นตายแน่ ๆ ให้ลากกระเป๋าไกลขนาดนี้ 555) และใกล้สถานที่ท่องเที่ยวอย่าง Former Hakkaido Goverment Office  และหอนาฬิกาสุด ๆ จะออกไปทานข้าวก็แสนจะสะดวก  อยู่ใจกลางเมืองขนาดนี้แทบไม่ต้องใช้บริการรถแท็กซี่เลยค่ะเดินได้สบาย ๆ (แต่ก็มีบ้างนะที่ขี้เกียจเดิน แฮ่ๆ)  นอกจากนั้นชั้นบนสุดของโรงแรมยังมีออนเซ็นให้แช่อีกด้วย

 

ในส่วนของห้องพัก  พัดจองห้องแบบ Superior Double Room เพราะว่ามี space ให้วางกระเป๋าได้สบาย ๆ ห้องธรรมดาพัดว่าเล็กไปหน่อย  ห้องที่พัดพักอยู่ชั้น 17 ชั้นบนสุดของส่วนห้องพักเลยมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นตึก Sapporo TV Tower พอดิบพอดี  นอกจากนั้นห้องน้ำก็ยังแยกห้องอาบน้ำ+อ่างอาบน้ำ ห้องสุขา เป็นสัดเป็นส่วนดีมาก มีอุปกรณ์เครื่องใช้ครบครัน  และที่น่ารักมาก ๆ เลยก็คือชั้น minibar ที่เปิดออกมามีเครื่องและอุปกรณ์ทำกาแฟพร้อมคู่มือวิธีชงกาแฟเป็นภาษาญี่ปุ่น  ที่หน้าห้องยังมีตู้กดน้ำอีก  พัดดื่มน้ำเยอะมาก ๆ เลยชอบใจมากเพราะไม่ต้องออกไปซื้อข้างนอกทีะหลาย ๆ ขวดแล้วแบกกลับมาโรงแรม(น้องสาวพัดชอบแซวว่าพัดดื่มน้ำเยอะเหมือนอูฐ -_-‘)

พัดประทับใจโรงแรมนี้นะรู้สึกคุ้มค่าคุ้มราคา  บริการก็ดีงามค่ะ

 

หลังจาก check-in เก็บของเรียบร้อยพัดก็ไป Daimaru และ Stellar Place ค่ะ ตั้งใจไปเดินเล่นช้อปปิ้งซะหน่อยวันนี้อยากสบาย ๆ ค่อยเริ่มเที่ยวจริง ๆ พรุ่งนี้  ด้วยความหิวหน้ามืดเพราะบ่าย 3 แล้วเลยเข้าไปทานข้าวหน้าหมูทอด Katsu toji และอุด้งแบบมึน ๆ งง ๆ ร้านอะไรก็ไม่รู้จุดนี้ขอทานก่อน  อยู่ชั้นใต้ดินที่ Daimaru รสชาติดีทีเดียวค่ะ  แล้วใกล้ ๆ กันยังมี “Cafe Croissant” ร้านกาแฟที่มีไอศครีมสุดโปรดของพัดอย่าง “Creamia” ขายด้วย  ที่ไทยก็มีแต่เรามาถึงแหล่งละขอชิมแบบ original หน่อยละกันว่าเป็นไง  สรุปเหมือนกันเป๊ะ

 

ช้อปปิ้งกันไปพอประมาณแล้วก็ถึงเวลาอาหารเย็นพัดจองร้านนี้มาก่อนตั้งแต่อยู่ที่ไทยแล้วเพราะมีเพื่อนบอกว่ามันดีงามมาก  เป็นร้านที่เน้นขายไข่หอยเม่นหรือ uni ของโปรดพัดนั่นเอง ก็คือร้าน “Hakodate Uni Murakami” สาขาซัปโปโร  อยู่ใกล้โรงแรมสุด ๆ แค่ 200 เมตรเท่านั้นอยู่ชั้นใต้ดินของตึก Nihon-Seimei Sapporo ค่ะ  หน้าร้านไม่มีชื่อภาษาอังกฤษนะคะมีแต่ภาษาญี่ปุ่นแต่มีรูป uni อยู่ค่ะ ไปส่อง ๆ แล้วก็พอจะเดาได้ว่าเรามาถูกร้านแล้ว

อาหารที่พัดสั่งก็มีข้าวหน้าuni สดอร่อยหวานมันไม่คาวแม้แต่น้อย, uni gratin จานนี้เด็ดดวงเป็นไข่หอยเม่นอบครีมกับชีสเค็ม ๆ มัน ๆ creamy ชอบจานนี้ที่สุด, เป่าฮื้อย่างเนย ตัวใหญ่มากกกก  สดมากกกกก  มาย่างกันสด ๆ ที่โต๊ะเลย  ตอนย่างหอยยังขยับไปมาจนแอบรู้สึกผิดว่าเอนี่มันยังไม่ตายหรือยังไง งง, แล้วก็ปลาย่าง ที่ย่างมาได้ดีมาก ๆ เนื้อ juicy สุด ๆ เอาเป็นว่าเลิฟร้านนี้ค่ะ

Location : อยู่ชั้นใต้ดิน ตึก Nihon-Seimei Sapporo Building Branch

 

วันต่อมาพัดเริ่มแต่เช้าด้วยการไปตลาดปลากะว่าจะไปหาซูชิทานเป็นอาหารเช้าซะหน่อย  ไปยืนเล็ง ๆ ร้าน Ohiso ไว้เพราะแอบเห็นว่ามี chutoro ด้วย  แต่รอคิวนานมากจนคนข้าง ๆ ทนไม่ไหวไปจบที่ข้าวหน้าปลาดิบร้านใกล้ ๆ แทน  รสชาติงั้น ๆ เฟล!

บอกตรง ๆ ว่าไม่ประทับใจตลาดปลาที่นี่เท่าไหร่เล็กแล้วก็ไม่ค่อยมีอะไรมากดูค่อนข้างจะเน้นขายtourist  ไม่เหมือนตลาดปลา Tsukiji  ที่โตเกียวค่ะ  พัดว่าไม่ต้องมาก็ได้ uni ที่นี่ราคาพอ ๆ กับร้าน Uni Murakami แต่พัดไม่คิดว่ารสชาติและคุณภาพจะสู้ได้นะคะ

 

อิ่มแล้วก็เริ่มเที่ยวซะทีเริ่มกันที่ หอนาฬิกา Tokeidai ที่เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองซัปโปโรเลยก็ว่าได้  หอนาฬิกาถูกสร้างขึ้นปีในพ.ศ. 1878 โดยตัวนาฬิกานั้นได้สั่งมาจากบอสตันประเทศสหรัฐอเมริกาและนับว่าเป็นหอนาฬิกาบอกเวลาที่เดินตรงเวลามากที่สุดของเมืองค่ะ  ภายในหอนาฬิกามีส่วนที่จัดแสดงประวัติความเป็นมาของหอนาฬิกาและเรื่องราวของเมืองในยุคนั้นด้วย  และที่นี่ยังนับว่าเป็นหอนาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังใช้งานได้ของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วยค่ะ  ตอนเจอครั้งแรกนี่พัดตื่นเต้นดีด๊ามากว่าบ้านอะไรน่ารักจัง  ซักพักเห็นจนเบื่อเพราะเดินผ่านเป็นสิบ ๆ รอบอยู่ใกล้โรงแรมมากเลย

 

แล้วก็เดินไปอีกไม่ไกลก็ถึง Former Hokkaido Government Office Building หรือ อดีตอาคารศาลากลางจังหวัดฮอกไกโด สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของซัปโปโรที่ทุกคนต้องมาเช็คอินพัดก็เลยมาบ้าง  เป็นตึกเก่าอาคารมรดกโลกที่สร้างด้วยอิฐแดง หรือที่เรียกกันว่า “ตึกอิฐแดง” (Red Brick Office) ภายในมีห้องประชุม พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุดและศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ด้านหน้ามีส่วนของสวนดอกไม้แต่ช่วงพัดไปเป็นหน้าหนาวเลยไม่มีดอกไม้ให้ชมค่ะต้องมาช่วงหน้าร้อนเค้าจะจัดดอกไม้สวยงาม ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีในทุกวันทำการนะคะ

 

แวะทานขนมจิบกาแฟซะหน่อยที่ “Peche Grand” ร้านนี้อยู่ใกล้ ๆ กับศาลากลางเลยค่ะ  ร้านน่ารักบรรยากาศคล้ายกับอยู่คาเฟ่แถวยุโรป  พัดสั่ง Choux Cream กับกาแฟ  Choux Creamอร่อยเลยครีมคือดีมาก

 

เที่ยงนี้เราไปทาน Teppanyaki กันค่ะที่ร้าน “Hama Steak House” ร้านอยู่ในตึกค่อนข้างจะลึกลับหายากนิดนึงแต่ขึ้นไปแล้วรับรองไม่ผิดหวังเพราะบรรยากาศดีแถมยังอร่อยมากด้วย  กลางวันเป็นคอร์สมี 4 ราคาค่ะ 3000, 5000, 8000, 10000 พัดเลือกแบบ 5000 เยน  ตัวพัดเองเลือกเป็นเนื้อ Tenderloin และ appetizer จะเป็น King Crab แต่พัดทานไม่ได้ขอเปลี่ยนเป็นปลาแทนค่ะ  ในเซ็ตมีสลัด ข้าว ผักดอง มิโสะซุป และของหวานให้ด้วย  ส่วนอีกเซ็ตสั่งแบบเดียวกันแต่เลือกเป็นเนื้อ Sirloin และ appetizer เป็นปูค่ะ  พัดลองทานเนื้อทั้ง 2 แบบแล้วชอบ Tenderloin มากกว่าเนื้อบางกว่านุ่มฉ่ำกว่า ละลายในปาก เลิฟฟฟฟ

พอจบของคาวเค้าก็จะพาเราย้ายห้องไปทานของหวานซึ่งเป็นไอศครีมและชาเป็นอันจบมื้อนี้ค่ะ

Location : ชั้น 3 New Hokusei Bldg., 3 Minami5-Jonishi Chuo-Ku

 

สายของหวานอย่างพัดพอรู้ว่าที่ซัปโปโรมีร้านรวมขนมหวานชื่อดังอย่างร้าน Bisse Sweet จะพลาดได้ไง   ในร้านจะรวมร้านขนมอร่อย ๆ ไว้หลายร้าน   ที่ดัง ๆ ก็มี Snuffle ที่ตอนนี้มาเปิดที่ไทยแล้วด้วยและ Kinotoya  ขนมทุกอย่างที่นี่มีแต่ภาษาญี่ปุ่นพัดก็ได้แต่จิ้ม ๆ ชี้ ๆ ไม่รู้ว่าชื่ออะไร  เมนูเด็ดเค้าเป็น “Omelette Parfait” (อันเดียวที่มีภาษาอังกฤษ) เหมือนแพนเค้กใส้ครีมสดและผลไม้แต่ว่าพัดไม่สั่ง555 ดูไม่ใช่แนวเรา พัดสั่งสิ่งนี้มาแทนเป็นคล้าย ๆ  Trifle  อันนี้เป็นครีมสดสลับชั้นกับเนื้อเค้กชิฟฟ่อนและผลไม้สด  คือดีงามมากกกก ครีมอร่อยเว่อร์เนื้อเค้กก็นุ่มเนียน  ผลไม้ที่ใส่มาก็รสชาติกำลังดีไม่หวานไปไม่เปรี้ยวไป ลงตัวมากค่ะ  แล้วพัดก็สั่ง Mascarpone Choux Cream หน้าฮิปโปจากร้าน Snuffle มัน ๆ อร่อยดีค่ะ  ยังไม่หมดค่ะเดี๋ยวมาแล้วไม่คุ้ม  มี Soft Ice-Cream ราดด้วยน้ำแข็งไสชาเขียวใส่ถั่วแดงด้วยจากร้าน“Bocca”  จานนี้ก็ดี ชอบไอศครีมตรงกลางเนื้อเนียนอร่อย

Location : ร้านอยู่ที่ตึก Bisse Odori ใกล้ ๆ กับสวน Odori ค่ะ

 

หลังจากนั้นพัดก็เดินย่อยช้อปปิ้งต่อที่ Takuni Kochi” หรือ ถนนคนเดินทานูกิ  เป็นถนนคนเดินที่เก่าแก่ที่สุดของเกาะฮอกไกโด  ที่มาเดินตรงนี้เพราะแถวนี้ร้านขายเครื่องสำอางเยอะมากมีร้าน Tax Free ด้วย  ช็อปเสร็จแล้วเราก็เอาของไปเก็บโรงแรมแล้วออกไปทานอาหารเย็นค่ะ

พัดชอบทานสุกี้ญี่ปุ่นมาก ๆๆๆๆๆ มาทริปนี้ยังไงก็ต้องหาทานให้ได้  โดยเฉพาะร้านที่มีเนื้อเทพ ๆ ลายหินอ่อน  ละลายในปาก  ว่าแล้วเราก็ไปจัดสุกี้กันที่ร้าน “Beef Shabu Sukiyaki Zen” ร้านนี้ก็มีความลึกลับอีกเช่นเคยอยู่ในตึก  พอก้าวเข้ามาในร้านก็จะสัมผัสได้ถึงความเป็นญี่ปุ๊นญี่ปุ่น  พนักงานทุกคนใส่กิโมโนจัดเต็ม  ร้านนี้มีทั้งแบบ buffet  และ  a la carte ใครอ่านบล็อกพัดน่าจะรู้ว่าพัดไม่ชอบทานบุฟเฟต์เพราะทานไม่เคยคุ้ม วันนี้ก็เลยสั่ง a la cart ค่ะมีเนื้อ Kobe Wakyu และ Hokkaido Wakyu ดีงามพระรามแปด อร่อยมากกกกกก แฮปปี้ แต่ทั้งตัวทั้งหัวเหม็นไปหมดต้องรีบกลับไปอาบน้ำสระผมโดยด่วน

Location : ชั้น B1 Yamaguchi Chuo Bldg. Minami 3-jo, Nishi 1-chome, Chuo-ku, Sapporo-shi, Hokkaido

 

มาถึงวันสุดท้ายแล้ว ตอนเช้าพัดขี้เกียจออกไปทานอาหารเช้าเมื่อคืนก็เลยซื้อเค้กจาก “Le Tao” มาตุนไว้ 3 ชิ้นมาทานแทนอาหารเช้า  เพราะอยากทานมากแต่เมื่อวานไม่เหลือพื้นที่ในกระเพาะให้ทานอะไรได้แล้ว  มี Strawberry Shortcake  อันนี้เนื้อเค้กไม่เนียนนุ่มเท่าไหร่ไม่ให้ผ่าน  Mont Blanc เค้กเกาลัดอันนี้โอเคอยู่  และที่ดีงามก็คือ Original Cheesecake ชนะเลิศให้คะแนนเต็ม

Location : ร้าน Le Tao สาขา Sapporo เป็นแบบ Take Away อย่างเดียวไม่มีให้นั่งทานค่ะอยู่ที่ชั้นใต้ดินในห้าง Daimaru

 

จริง ๆ มื้อเที่ยงวันนี้พัดจองร้าน Omakase ร้านดังเอาไว้แต่พอมาถึงร้านปิด งงมากกกกกก ทำไมตอนจองบอกคอนเฟิร์ม  สรุปมาเก้อเสียค่าแท็กซี่ฟรีเพราะอยู่ไกล  เลยต้องกลับไปทานซูชิจานหมุน “Nemuro Hanamaru” ร้านดังแทน   คิวยาวมากรอคิวนานเว่อร์ ๆ 1 ชั่วโมงเต็ม ๆ เป็นการรอคิวร้านอาหารที่นานที่สุดในชีวิต  และรสชาติธรรมดามากกกกไม่สมกับที่รอคอยแม้แต่น้อย ทำไมมื้อนี้มันมีแต่เฟลกับเฟล อยากร้องไห้

Location : ชั้น 6 Stellar Place

 

หลังจากจบทริปด้วยความเฟล  และตัวแตกจากการกระหน่ำกิน  เราก็ไปเก็บของแล้วเดินทางกลับไทยค่ะ  สรุปว่าหน้าหนาวซัปโปโรพัดว่าไม่มีอะไรให้เที่ยวเท่าไหร่แต่ของกินนี่ใช้ได้เลยนะ  อร่อย  แล้วก็ไม่แพงเท่าโตเกียว  ฟินกับอาหารมากกกกก

Where to stay 

พัดว่าเลือกที่ใกล้สถานี JR Sapporo Station เนี่ยเวิร์คที่สุดแล้ว  เพราะเดินทางสะดวก  อยู่ใกล้ห้าง  ใกล้แหล่งช็อปแหล่งกิน  แล้วสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ อย่างหอนาฬิกาหรือศาลากลางจังหวัดฮอกไกโดก็อยู่ใกล้ ๆ ในระยะเดินเที่ยวได้ค่ะ

พัดอยู่ที่ซัปโปโรทั้งหมด 3 คืนค่ะ  คืนแรกที่ Hotel Mystay Premier Park Sapporo เพราะอีกวันจะย้ายไป Tomamu แล้วรถ shuttle bus ของโรงแรมที่ Tomamu จอดที่โรงแรมนี้พอดีไม่ต้องขนกระเป๋าให้เหนื่อย  หลังจากกลับจาก Tomamu พัดก็กลับมาเที่ยวซัปโปโรต่ออีก 2 คืนคราวนี้พักที่โรงแรม Cross Hotel ค่ะ

ที่ Hotel Mystay Premier Park Sapporo ราคาเบา ๆ ห้องก็ใช้ได้อยู่สำหรับราคานี้  ห้องสะอาดแต่เก่าไปนิด แต่ว่ามี space มากกว่าที่คิดเพราะปกติโรงแรมราคานี้ที่ญี่ปุ่นมักจะเล็กม๊ากกกก จนไม่มีที่จะวางกระเป๋าเดินทางซะด้วยซ้ำ  แต่นี่วางแผ่ใบใหญ่ 2 ใบกับใบเล็ก 2 ใบได้แล้วยังเหลือที่ให้เดินสบาย ๆ  แถมที่โรงแรมนี่ยังมีออนเซ็นให้แช่ด้วยค่ะ  โรงแรมเค้าเคลมว่าเค้า 4 ดาวแต่พัดให้ 3 ดาวพอ

สำหรับ location พัดว่าไม่ได้ดีขนาดนั้นเพราะเดินเข้าเมืองไกลไปหน่อยแต่ก็อยู่ในระยะทางที่เดินได้ค่ะ  แต่ถ้าตั้งใจจะมาเที่ยวในเมืองโรงแรมนี้ไม่ใช่ตัวเลือกของพัดแน่นอนค่ะ

สำหรับคืนที่เหลือพัดพักที่ Cross Hotel พัดชอบมาก locationดีใกล้ห้าง ใกล้รถไฟ ดีไซน์เก๋ ห้องสวยงามสะอาด และมีข้าวของเครื่องใช้ครบครัน  บริการของพนักงานก็ดีมาก ๆ ค่ะ  ราคากลาง ๆ รู้สึกคุ้มราคามาก  แต่สำหรับใครที่มากับผู้ใหญ่ผู้สูงอายุอาจจะไม่เหมาะที่จะลากกระเป๋าจากสถานีรถไฟมาที่โรงแรมแบบพัดนะคะ  เพราะระยะทาง 500-600 เมตรผู้ใหญ่ไม่น่าจะไหวค่ะ

Where to Eat 

จากที่ได้เล่าสาระพัดสิ่งที่พัดทานไปเดี๋ยวมาสรุปให้ฟังดีกว่าว่าร้านไหนควรไป  อันแรกเลย “Hama Steak House” อร่อย บรรยากาศดี ราคาก็ไม่เว่อร์  ถ้าคุณภาพเนื้อแบบนี้ที่ไทยรับรองแพงหูฉี่  ร้านที่สองที่ปลาบปลื้มมมมมสุด ๆ ต้องนี่เลยร้านสุกี้ “Beef Shabu Sukiyaki Zen” เนื้อคือดีมากกกกก marble ละลายในปาก  ไม่อยากจะอิ่มเลยอยากทานไปเรื่อย ๆ และอีกร้านสำหรับคนชอบUniแบบพัด  ต้องไปนะคะ “Hakodate Uni Murakami” รับรองว่าทานจนหายอยากกินuniไปอีกนาน  สด หวานฉ่ำ ไม่คาว เริ่ชมากโดยเฉพาะ Uni gratin อาหารอย่างอื่นที่ไม่ใช่ไข่หอยเม่นเค้าก็ทำได้ดีค่ะ  หมดของคาวละว่ากันเรื่องของหวานบ้าง  แน่นอนว่ามาถึงถิ่นเค้าละก็ไม่ควรพลาด “Le Tao” ชีสเค้กเค้าดี๊ดีย์จริง ๆ แต่ขนมอย่างอื่นพัดไม่ได้ปลื้มขนาดนั้น  และสายของหวานบอกเลยว่าควรไป Bisse Sweet” ขนมที่พัดสั่งมาคืออร่อยทุกอย่าง  อยากมีซัก 4 กระเพาะจะอยู่ที่นี่ทั้งวัน

What to Wear

พัดมาปลายมีนาคมค่ะตอนแรกก็คิดว่าคงจะอุ่นขึ้นแล้วที่ไหนได้ไม่เลย  หนาวมากกกกก  ลมแรงมากพัดทีพัดเกือบจะปลิว  ลมมาทีสะท้านไปถึงกระดูก  ขอบอกว่าเสื้อผ้าต้องจัดเต็มนะคะ  heat-tech sweater เสื้อขนเป็ดอะไรจัดให้ครบค่ะ  earmuffsเนี่ยเป็นของล้ำค่าสำหรับพัดเลยหนาวหูที่สุด  และที่สำคัญที่สุดคือเรื่องรองเท้า!! เนื่องจากว่ามีทั้งหิมะและหิมะที่ละลายแล้วเป็นน้ำแข็งบางส่วน  พื้นจะลื่นมาก  ทั้งลื่นทั้งเปียก  ต้องใส่รองเท้าที่ยึดเกาะพื้นได้ดีไม่ลื่นค่ะ  ผ้าใบนี่ตัวดีเลยค่ะลื่นปรื๊ดดดดดด แต่พัดใส่บู๊ตแบบที่พื้นเป็นยางค่อนข้างจะยึดเกาะได้ดีไม่ค่อยมีปัญาเรื่องลื่นเท่าไหร่ค่ะ  เราต้องสวยแบบปลอยภัยทั้งร่างกายและทรัพย์สินนะคะ

 

 

 

You may also like