ถ้าใครติดตาม Instagram พัดก็คงจะพอรู้ว่า IG (@PATSAMON) ของพัดถูกยึดพื้นที่ด้วยรูปทริปปารีสอย่างยาวนานประหนึ่งว่าได้แฟนใหม่เป็นหนุ่มปารีเซียงและย้ายสัมมะโนครัวไปเรียบร้อยแล้ว เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าพัดได้รับเชิญจากการท่องเที่ยวปารีส (Paris Tourisme) ให้ไปเที่ยวที่ปารีสเพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวของ Paris Region ค่ะ แต่เดี๋ยวก่อน…เที่ยวครั้งนี้ไม่ธรรมดาแน่นอนเพราะการท่องเที่ยวปารีสร่วมมือกับ World Surprise Travel จัดทริปสุด exclusive อะไรที่ว่าเก๋ อะไรที่ว่าปัง อะไรที่ว่ายาก นางจัดให้หมดจ้าาา นี่จริง ๆ พัดไปแค่ 6 วันเองค่ะแต่ได้ทำอะไรใหม่ ๆ เยอะม๊ากทั้ง ๆ ที่เคยไปปารีสมาแล้ว อ่ะ ๆ ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่าค่ะเดี๋ยวจะหาว่าโม้
ทริปนี้นอกจากพัดแล้วก็ยังมีเพื่อนร่วมทริปที่น่ารักและเป็นกันเองมาก ๆ อีก 4 คนก็คือนางเอกมากฝีมืออย่างน้องแต้ว ณฐพร, คุณต้น อาชว์, คุณก้อ บล็อกเกอร์ตัวท็อปจากเพจท่องเที่ยวสุดดัง “เที่ยวเอง” และ คุณพี่ดุ๊ก จาก “World Surprise Travel” ที่มาดูแลเองแถมด้วยถ่ายรูปสวย ๆ ให้อีกต่างหาก ทั้งอุปกรณ์ทั้งฝีมือนี่ไม่แพ้ช่างภาพอาชีพเลยนะคะขอบอก ทุกคนน่ารักมากจนนึกว่ามาเที่ยวกับเพื่อนสนิท สนุกมากกกกกก
เริ่มกันที่การเดินทางบินตรงโดยสารการบินไทย หลับไปยาว ๆ ตื่นมาก็ถึงละไม่ต้องทรานส่งทรานสิทอะไรกันให้วุ่นวาย บินกับสายการบินแห่งชาติของเรามันก็ดีตรงนี้แหละ และไฟลท์ที่พัดไปเป็นเครื่อง A380 ด้วยก็จะกว้างขวางไม่อึดอัดค่ะ
DAY 1
เรามาถึงกันแต่เช้าตรู่ ถึงปุ๊บเราก็เลยไปเช็คอินที่โรงแรมกันก่อนเลย ทริปนี้ 2 คืนแรกเราจะพักกันที่ Hôtel Boutet ค่ะ เป็น boutique hotel เล็ก ๆ ในเครื่อ Accor ก็เลยเชื่อถือได้ในมาตรฐานเพราะทุกอย่างก็ครบครันจริง ๆ แถมมีสระว่ายน้ำ indoor ที่ชั้นใต้ดินด้วย และที่นึกไม่ถึงว่าโรงแรมเล็ก ๆ แบบนี้จะมีก็คือสปาค่ะ สายสปาอย่างเราก็ได้ไปนอนให้ฝรั่งนวดมาเรียบร้อย จะบอกว่าไม่คิดว่าฝรั่งจะนวดดีขนาดนี้เพราะปกติเนี่ยจะไม่ค่อยโอเคนวดเหมือนลูบ แต่คราวนี้คือนางรู้เส้นด้วยนะรีดเส้นสบายตัวไปเลย (ตอนแรกนวดเบาไปหน่อยไม่สะใจพอบอกขอหนัก ๆ therapist จัดให้เลยจ้าาาา)
แถมโรงแรมใจดีมาก ๆ เรามาถึงแต่เช้าก็เช็คอินเข้าห้องไปงีบได้เลยไม่ต้องรอจนถึงบ่ายตามเวลาเช็คอินปกติค่ะ เริ่ช
ในส่วนของห้องพักก็ตกแต่งเก๋ไก๋สวยงามอยู่ และที่สำคัญคือที่นอนหมอนนอนสบายม๊ากกกกก ทุกคนในทริปลงเป็นเสียงเดียวกันว่าเตียงดูดวิญญาณ ใครที่ถึงเวลานัดลงมาช้ารู้เลยถูกเตียงดูดไปแน่ ๆ กะจะพักนอนเล่นนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้เลยค่ะหลับสนิท คร่อกกก !
มาถึงมื้อแรกของเราเริ่มกันที่ร้านมุ้งมิ้งน่ารักสไตล์ปารีเซียง “La Fourmi Ailée” ซึ่งเคยเป็นร้านหนังสือมาก่อน พอมาเป็นร้านอาหารก็ยังคงการตกแต่งใหมีความเป็นร้านหนังสืออยู่ ในส่วนของอาหารก็รสชาติดีนะคะ ของหวานเลิศมากกลัวอ้วนยังไงก็แพ้ใจตัวเอง
จากนั้นก็ต่อด้วย exclusive tour of the Panthéon ค่ะ exclusive ยังไงก็แค่พาขึ้นไปด้านบนของ Panthéon จนถึงยอดโดมที่ไม่อนุญาติให้ใครขึ้นไปมาหลายร้อยปีแล้วแค่นั้นเอ๊งงงง จะบอกว่าข้างบนวิวสวยมากกกกก สามารถเห็นปารีสได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว ในส่วนของยอดโดมสูงสุดนั้น…พัดขอบายเพราะขาพัดไม่ให้ความร่วมมือ ขึ้นที่สูงมาก ๆ ทีไรขาอ่อนไม่มีแรงพูดง่าย ๆ ก็คือกลัวความสูงนั่นแหละค่ะ555
กลับมาพักขาเรียกแรงกลับมาที่โรงแรมสักพักก็ได้เวลาดินเนอร์ค่ะ ซึ่งมื้อนี้พัดประทับใจและอยากจะนำเสนอร้านนี้มาก แถ่นแท๊นนน ร้าน “Pierre Sang” ร้านนี้เนี่ยถ้าไม่จองก็ไม่ได้ทานนะเพราะเจ้าของร้าน Pierre Sang เนี่ยเค้าโด่งดังมากที่ปารีสเป็น Top Chef France ปี 2011 ทีเดียวเชียว แต่ที่อยากจะแนะนำไม่ใช่เพราะรางวัลแต่เพราะร้านเค้าเนี่ยมีความดีงามหลายอย่างค่ะ
- ความเก๋ ที่ก่อนจะมาทานเราจะไม่รู้เลยว่าจะได้ทานอะไรเพราะแต่ละวันไม่เหมือนกัน จนมาเสิร์ฟก็ยังไม่บอกรอให้เราทานก่อนถึงมาเฉลยว่าคืออะไรบ้าง แต่ไม่ต้องห่วงค่ะใครแพ้อะไรไม่ทานอะไรเค้าจะให้แจ้งก่อนตอนจองนะคะ
- เนื่องจากเชฟมีเชื้อสายเกาหลีอาหารที่นี่ก็จะเป็นฟิวชั่นที่นำวัตถุดิบของอาหารเอเชียนไม่ว่าจะเป็น เกาหลี จีน ญี่ปุ่นมาผสมผสาน แล้วเป็นการผสมผสานที่ลงตัวมาก ๆ แต่ละจานมีความแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร และที่สำคัญคือ อร่อย!!!
- พนักงานที่ร้านนี้เป็นกันเองน่ารักทุกคนค่ะ ใครที่เคยติดตากับการบริการของคนฝรั่งเศสที่พิธีรีตองมากมายเหลือเกินจนเข้าไม่ถึงมาร้านนี้แล้วจะพบว่าไม่เหมือนที่คุณเคยคิดเลยค่ะ
- มาร้าน Pierre Sang เราก็ต้องได้เจอ Pierre Sang สิคะถูกมั้ย เชฟน่ารักมาก เป็นกันเอง มีสเน่ห์ คอยดูแลเทคแคร์ตลอด ๆ ไม่แปลกใจเลยที่เชฟจะประสบความสำเร็จมีแต่คนอยากมาทาน
DAY 2
โปรแกรมแรกของวันนี้เนี่ยเป็นอะไรที่พัดกรี๊ดมากกกกกก เพราะวันนี้เราจะไป Musée des Arts décoratifs เพื่อไปชม Exhibition “Christian Dior, Couturier du Rêve” ที่รวบรวมผลงานและเรื่องราวของแบรนด์ Christian Dior ตั้งแต่ collection แรกที่ออกแบบโดย Mr.Christian Dior เองและดีไซน์เนอร์คนอื่น ๆ ที่เข้ามาเป็น creative director ให้กับดิออร์ในยุคต่อ ๆ มาค่ะ อดีตนักเรียน Fashion Design อย่างพัดตื่นเต้นตั้งแต่เห็นโปรแกรมครั้งแรกและตกปากรับคำมาทริปนี้ก็เพื่อสิ่งนี้เลยก็ว่าได้ และแน่นอนว่าพอได้เข้าไปดูยิ่งไม่ผิดหวังเค้าจัดได้ดีมาก ๆ ค่ะ หลาย ๆ ชุดในตำนานพัดเคยแต่ได้เห็นรูปในหนังสือ อ่านประวัติศาสตร์แฟชั่นสมัยเรียนมาก็เยอะวันนี้ได้เห็นชุดจริงที่เราเคยได้แต่เห็นในหนังสือมันเป็นความรู้สึกที่ฟินมาก เหมือนฝันในวัยเด็กเป็นจริงขึ้นมา เว่อร์มะ 555555
จากนั้นก็เขยิบมาอีกนิดเดียวก็ถึงร้านอาหารกลางวันของเราวันนี้ค่ะ ร้านนี้เก๋ไก๋ตรงที่เราจะได้ทานอาหารไปดูวิว ปีระมิดแก้วของพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ไปด้วยที่ร้าน Cafe Marly ไม่ใช่แค่วิวสวยแต่อาหารเค้ายังอร่อยมากด้วยค่ะ พัดขอให้ลอง Seared Scallop เนื้อ juicy เด้งดึ๋งสุกกำลังดี และของหวานประจำชาติอย่าง Millefuille ที่มาอันใหญ่มากแล้วก็อร่อยมากจนต้องพยายามห้ามใจไม่ให้ทานจนหมด
จากนั้นเราก็จะไป sight-seeing เมืองปารีสกันค่ะ แต่จะให้นั่งรถทัวร์ชมเมืองก็ดูจะธรรมดาเกินไป วันนี้เราก็เลยจะนั่งรถโบราณ Cetron 2CV ซึ่งเป็นรถรุ่นแรกของฝรั่งเศสกัน เปิดประทุนได้ด้วยน้าาา เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของชาวฝรั่งเศสเค้าค่ะ แถมรถคันที่พัดนั่งยังเป็นคันเดียวกับที่ใช้ถ่ายหนัง 007 Jams Bond ด้วยนะไม่อยากจะอวด XD
นอกจากจะชมเมืองแล้วอยากจอดแวะลงไปเที่ยวไปถ่ายรูปตรงไหนก็ได้ค่ะ พัดเลยขอลงไปถ่ายรูปกับหอไอเฟลซักหน่อย
เย็นวันนี้เราจะไม่ได้ไปดินเนอร์ธรรมดา ๆ แต่ว่าเราจะไปดูโชว์ Moulin Rouge ด้วยถือเป็นโชว์ในตำนานของฝรั่งเศสเลยก็ว่าได้ค่ะถึงขนาดมีการนำไปสร้างภาพยนตร์ คราวก่อนพัดมาปารีสแล้วไม่ได้ดูเพราะคุณพ่อคุณแม่พัดเคยดูแล้วก็เลยต้องข้ามโปรแกรมนี้ไป แล้ววันนี้ก็ได้ดูแล้วก็ประทับใจมาก ๆ ค่ะเค้าทำได้น่าตื่นตาตื่นใจมาก นักเต้นนี่สวยทุกคนหุ่นดีมากทุกคนพัดว่าหนุ่ม ๆ มาดูคงปลื้มมากกว่าพัดร้อยเท่า แล้วที่พิเศษก็คือหลังจบโชว์เค้าก็พาเราเข้าไปถ่ายรูปกับนักเต้นที่หลังเวทีด้วย! ปกติเค้าไม่อนุญาตินะคะอันนี้พิเศษมากจริง ๆ ค้าา
DAY 3
วันนี้เราเริ่มต้นวันด้วยการ shopping เลยค่ะ เนื่องจากว่าเราจะไปพระราชวังแวร์ซายย์กันทางผ่านเราก็มี Outlet น่าช็อปอยู่เลยต้องแวะซักหน่อยพอหอมปากหอมคอที่ One Nation Paris มีของสวย ๆ พอตัวอยู่แต่แบรนด์อาจจะไม่คุ้นตาคนไทยมากนักค่ะ
จากนั้นเราก็มาถึง Chateau de Versailles ที่จริงพัดเคยมาแล้วรอบนึงแต่รู้สึกว่ามาได้อีกเพราะที่นี่สวยมากจริง ๆ ดูได้ไม่เบื่อเลยค่ะ แต่วันนี้เรายังได้เข้าเยี่ยมชมห้องต่าง ๆ ที่ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวทั่วไปได้เข้าชมด้วยค่ะ ไกด์ของเราพาไปชมห้องต่าง ๆ ที่พระราชาเคยใช้ชีวิตอยู่จริงไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องอาหาร ห้องเล่นเกม และที่ประทับใจที่สุดก็คือ Opera House ซึ่งสวยงามอลังการตระการตามากจริง ๆ เข้าไปแล้วเหมือนมีมนต์สะกด ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าในวังนี้จะมีโรงละครโอเปร่าแอบอยู่ด้วย แล้วที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ House of Mirror หรือห้องโถงสำหรับจัดงานเลี้ยงที่ประดับประดาไปด้วย chandelier ห้อยระย้าเต็มเพดาน สะท้อนกับกระจกที่ประดับฝาผนังระยิบระยับไปหมด ถือเป็นห้องที่สวยที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดห้องนึงของวังแห่งนี้ที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปค่ะ
เดินชมวังกันจนเพลินก็ได้เวลาอาหารกลางวัน วันนี้เราก็จะทานกันในวังนี่แหละค่ะที่ร้าน ORE อาหารน่าตาสวยงามน่าทานทุกจาน โดยเฉพาะขนมมีเยอะมากทุกคนจะได้ขนมไม่ซ้ำกันเลยแล้วก็อร่อยมาก ๆ จนถึงกับต้องเล่นเกม vote จัดอันดับของแต่ละคนเลยทีเดียว
หลังจากชมวังไปแล้วเราก็มาทำอะไรสนุก ๆ กันบ้างค่ะ บ่ายวันนี้เรามีคลาสเรียนทำ Macaron ที่ สถาบันสอนทำอาหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งนึงของโลก Le Cordon Bleu มาถึงตอนนี้น้องแต้วก็ทำขนมไป Live สดไปด้วยเป็นการเรียนทำขนมที่สนุกมาก ๆ ค่ะทุกคนที่นี่น่ารักเป็นกันเองมาก ๆ
ในส่วนของอาหารเย็นวันนี้เราไปทานกันที่ Brasserie Julien เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่ตกแต่งสไตล์ Art Nouveau ซึ่งจุดเด่นของการตกแต่งสไตล์นี้ก็คือกระจกสี ๆ นี่แหละค่ะ ร้านดูสวยมีสเน่ห์มาก ส่วนอาหารพัดชอบ Escargot Soup มากค่ะ เอาขนมปังจิ้มซุปร้อน ๆ ฟินมาก
มากันครึ่งทางละเขียนมาถึงตอนนี้คือเหนื่อยมากขอตัวไปพักแพร๊พพพพพสัญญาว่าจะไม่ให้รอนานค่า เดี๋ยวพัดมาต่อ Paris is always a good idea Episode 2 กันเร็ว ๆ นี้นะคะ 😀