เชียงใหม่เป็นจังหวัดนึงที่พัดชอบม๊ากกกก เรียกว่ามาแทบทุกปีเลยค่ะ นอกจากเสน่ห์ของเชียงใหม่อย่างความชิลล์ต๊ะต่อนยอนของชาวบ้าน ความเป็นล้านนาและมีอาหารอร่อยเต็มไปหมดแล้ว ก็ยังคาเฟ่น่ารัก ๆ ฮิป ๆ ที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดนี่แหละค่ะที่ทำให้พรรษอยากมาซ้ำ ๆ อยู่ตลอด แถมต้นปีแบบนี้อากาศยังสบาย ๆ อยู่ก็ต้องรีบมาสิคะ พรรษมาเที่ยวรอบนี้จะมีอะไรอัพเดทบ้างตามมาดูกันดีกว่าค่ะ
Accommodation
ครั้งนี้พรรษมาพักที่ boutique hotel เล็ก ๆ ย่านวัดเกตุที่มีคาเฟ่น่ารัก ๆ มากมาย ที่ชื่อว่า K Maison Lanna Boutique Hotel ค่ะ ชื่อคุ้น ๆ ใช่มั้ยคะ ใช่แล้วค่ะโรงแรมนี้เค้าเครือเดียวกับ K Maison Boutique Hotel ที่ซอยรางน้ำที่กรุงเทพนี่เองค่ะ แต่ที่เชียงใหม่เค้าตกแต่งสไตล์ minimal ทุกอย่างก็จะดูเรียบ ๆ สะอาดตา เน้นโทนขาวและน้ำตาลจากไม้ และแซมด้วยสีเขียวจากต้นไม้ใบหญ้าค่ะให้ความรู้สึกสงบมากเลยค่ะ
พอเราเดินผ่านทางเข้าที่เป็นซุ้มต้นไม้ลงมาที่ชั้นใต้ดินก็จะเจอกับส่วนของ reception เล็ก ๆ และพนักงานที่ต้อนรับเราอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองค่ะ เดินผ่านประตูเลื่อนที่พรางตัวเหมือนเป็นผนังเข้ามาอีกหน่อยก็จะเจอกับส่วนของ lounge และสระว่ายน้ำน้ำอุ่น เป็นโซนสำหรักแขกที่เข้าพักมานั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจและทานอาหารเช้าค่ะ
ในส่วนของห้องพักก็ตกแต่งสไตล์เดียวกัน ขนาดกะทัดรัด
Tourist Attraction
“We Flower Village”
ถ้าพูดถึงสิ่งที่ฮิตสุดในช่วงนี้จะเป็รอะไรไปไม่ได้นอกจากการไปถ่ายรูปที่สวนดอกไม้ที่บานสะพรั่งค่ะ จริง ๆ ที่เชียงใหม่มีสวนสวย ๆ อยู่หลายที่มากแต่บางที่ต้องจองล่วงหน้าแล้วก็เต็มไปอีกหลายเดือน วันนี้พรรษเลยมาที่ We Flower Village สวนนี้ยังไม่ดังมาก walk-in มาได้เลยไม่ต้องจอง คนก็ไม่เยอะถ่ายรูปสบาย ๆ มุมใครมุมมันค่ะ ที่นี่จะมี 2 ทุ่งค่ะ ทุ่งสีม่วงกับสีขาวห่างกันประมาณ 500 เมตร
ขอบ่นและฝากเรื่องมารยาทการถ่ายรูปนิดนึงละกันนะคะ เวลาเราถ่ายรูปเราก็อยากได้ background สวย ๆ ไม่ติดคนอื่นใช่มั้ยคะ เพราะฉะนั้นเวลาคนอื่นเค้าถ่ายรูปกันอยู่คุณก็อย่าเดินไปเข้าไปอยู่ในเฟรมเค้าค่ะ คือบางคนสนแต่รูปตัวเองว่าตรงนี้รูปชั้นสวยแน่แต่คุณกำลังไปทำลายรูปคนอื่นอยู่อ่ะค่ะ งงใจ555 ใจเขาใจเราอ่ะเนอะ บ่นจบละ
Restaurant
จริง ๆ จุดประสงค์หลักของการมาเชียงใหม่ของพรรษก็คือมากินนี่แหละค่ะ ร้านอร่อย ๆ เค้าเยอะมากจริง ๆ มากี่วันก็ไม่เคยพอ มารอบนี้ก็ได้มาเก็บร้านใหม่ ๆ และไปซ้ำร้านโปรดที่มาเชียงใหม่กี่ครั้ง ๆ ก็ไม่พลาดค่ะ
“L’Elephant”
ร้านแรกเริ่มด้วยอาหารฝรั่งเศสชื่อดังย่านนิมมานที่เพื่อน ๆ แนะนำ “L’Elephant” แค่ทางเข้าร้านก็สวยประทับจิตประทับใจแล้วค่ะ ในส่วนของอาหารก็จัดว่าดีเลย แต่ถ้าเทียบกับร้านดัง ๆ ที่กรุงเทพฯ พรรษยังชอบร้านที่กรุงเทพฯ มากกว่าค่ะ
“Bad Boy Valley”
“Bad Boy Valley” หรือหุบเขาคนโฉด จริง ๆ พรรษเคยมาแล้วรอบนึงแล้วชอบม๊ากกกกกกกแต่ไม่ได้รีวิวไว้ค่ะ มารอบนี้เลยตั้งใจถ่ายรูปมาก ๆ จะได้มารีวิวให้ดูกัน ร้านนี้จริง ๆ ไม่เชิงว่าเป็นร้านอาหารค่ะ เหมือนเป็น chef’s table มากกว่าค่ะต้องจองล่วงหน้าเท่านั้นและรอบนึงรับไม่เกิน 3 โต๊ะค่ะ ที่เห็นโต๊ะอาหารและบรรยากาศสวยสะพรึงขนาดนี้ก็เพราะเจ้าของเค้าเคยทำร้านขายเฟอร์นิเจอร์มาก่อนและชอบสะสมของเก่าของตกแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะตู้ เก้าอี้ โคมไฟ จานอาหารที่นำมาเสิร์ฟก็เป็นของสะสมค่ะ เพราะฉะนั้นเราก็จะได้เห็นจานสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 มาใส่อาหารให้เราทานกันด้วยเก๋มั้ยล่ะ ความสุดก็คือการจัดโต๊ะอาหารและดอกไม้นี่แหละค่ะ ซึ่งเค้าก็จะเปลี่ยนการตกแต่งไปเรื่อย ๆ มาแต่ละรอบก็จะไม่ซ้ำค่ะ
อาหารที่นี่จะช้านิดนึงขอให้ทำใจไว้ก่อนเลยว่ามาทานรอบ 5:30 กว่าจะทานจบคอร์สก็นู่นแหละอย่างต่ำสามทุ่มค่ะ พรรษมารอบแรกทานเสร็จเกือบห้าทุ่ม555 แต่ถ้าได้เห็นอาหารแล้วล่ะก็จะไม่แปลกใจเลยค่ะเพราะเค้าทำแบบละเมียดละไม ตกแต่งอาหารเหมือนเป็นงานศิลปะเลยก็ว่าได้ สวยจนไม่กล้าทานเลยค่ะ ยอมเค้าเถอะค่ะ
“ครัวอาจารย์สายหยุด”
ร้านต่อมายังคงเป็นอาหารหน้าตาสวยงามอยู่แต่เป็นอาหารไทยโบราณค่ะคราวนี้ นอกจากสวยแล้วยังอร่อยมากด้วยค่ะ ที่ร้าน “ครัวอาจารย์สายหยุด” เค้าติดอยู่ในลิสต์ Michelin Guide ด้วยนะคะ ตัวร้านอาจจะไม่ได้ตกแต่งสวยงามมากแต่อาหารทุกจานทำมาด้วยความปราณีตค่ะ จานที่พรรษชอบและอยากแนะนำก็มี ของว่างรวม ทำมาสวยมาก ๆ ค่ะ(ช่อม่วงและขนมจีบอร่อยมาก) ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน แกงคั่วหอยขม สองจานนี้ค่อนข้างเผ็ดทีเดียวนะคะ ข้าวยำปักษ์ใต้ ปกติพรรษไม่ค่อยชอบทานข้าวยำแต่ของที่นี่คือดีมากเลยค่ะยอมมมม และวันนี้มีเมนูพิเศษ ผัดไทยอาจารย์สายหยุด ที่อาจารย์ลงมาผัดเองให้ดูเลยหอมและอร่อยมากกกกกก พรรษเลิฟฟฟฟ
“โกเผือกโกดำ”
จริง ๆ ที่มาร้านนี้เพราะขนมปังสังขยา 4 สีของเค้าที่ดูน่าร๊ากกกกกก แต่ว่าพอมาถึงกลับติดใจก๋วยจั๊บญวนของเค้ามากกว่าค่ะ อร่อยกลมกล่อมมาก นอกจากนี้เค้าก็ยังมีเมนูอาหารเช้าอีกหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งไข่กระทะ ขนมปังปิ้ง ไข่ลวก กาแฟโบราณ
“ต๋องเต็มโต๊ะ”
มากี่รอบ ๆ ก็ต้องทานค่ะชอบสุด ๆ เมนูแนะนำมี แหนมจิ้นหมกไข่ ไข่เจียวไส้อั่ว ลาบเห็ดเผาะ คอหมูย่าง น้ำพริกมะเขือย่าง จานนี้จะรสชาติคล้ายน้ำพริกหนุ่มเลยแต่ไม่ค่อยเผ็ดค่ะ คนสกิลทานเผ็ดระดับอนุบาลแบบพรรษเลยชอบมาก ๆ ค่ะ
“ข้าวซอยเสมอใจ”
เป็นร้านข้าวซอยร้านโปรดของพัดเลยค่ะและเป็นร้านดังของเชียงใหม่ เวลามาก็จะสั่งข้าวซอยไก่กับหมูสะเต๊ะค่ะ
“แยงซีเกียง”
เป็นอีกร้านโปรดของพรรษที่เชียงใหม่เลยค่ะ แนะนำให้มาทานกลางวันเค้าจะมีติ่มซำอร่อยมาก เมนูประจำของพรรษก็คือ พายหมูแดง(เลิฟสุด) ซาลาเปาลาวาไข่เค็ม ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้ง เป็ดปักกิ่ง
*ขออภัยที่ไม่มีรูปมาให้ดูค่ะ โมโหหิวหน้ามืดไปหน่อย รู้ตัวอีกทีฟาดเรียบไปละ555*
Cafe
“Keep in Touch”
มาเอาใจสาย cafe hopping กันบ้างดีกว่าค่ะ เริ่มกันที่ Keep in Touch ร้านน่ารักฟรุ้งฟริ้งสไตล์สาวหวาน มีทั้งอาหาร ขนม เครื่องดื่ม เมนูเยอะทีเดียวรสชาติก็โอเคเลย มาร้านนี้ถ่ายรูปสนุกมากค่ะแต่ร้านหายากนิดนึงนะคะ
“Baristro by Ping River”
ร้านนี้ฮิตมาซักพักละแต่พึ่งเคยมากับเค้า นอกจากมุมถ่ายรูปริมแม่น้ำที่เป็นจุดขายหลักแล้ว ก็มีโรตีวิปครีมฝอยทองนี่แหละค่ะที่ดึงดูดพัดให้มาร้านนี้ เพราะชอบโรตีนี้มากกกกกกกกกกกกก มาเชียงใหม่ต้องทานทุกรอบ แต่รอบนี้แฮปปี้กว่าทุกทีเพราะได้มานั่งชิลล์ริมแม่น้ำด้วย ส่วนกาแฟของร้านนี้ปกติพรรษว่าดีอยู่นะคะคราวก่อนไปอีกสาขาที่นิมมานก็อร่อย แต่วันนี้สั่ง iced mocha มาคือพลาดมาก มันหวานแสบคอสุด ๆ ทานไม่ได้เลย
“Barisotel”
สงสัยใช่มั้ยคะว่าทำไมชื่อคล้าย ๆ กัน ก็จริง ๆ แล้วร้านนี้เจ้าของเดียวกับร้านเมื่อกี้เลยค่ะ เมนูก็จะเหมือน ๆ กันค่ะ แตกต่างกันที่บรรยากาศ นอกจากนั้นที่สาขานี้ยังเป็นโรงแรมเล็ก ๆ ด้วยค่ะ ใครชอบเดินเล่นแถวนิมมานก็มาลองพักที่นี่กันดูนะคะ สไตล์เค้าก็จะแบบมินิมอลมาก ๆ ค่ะ
“Artisan @ One Nimman”
จริง ๆ ร้านนี้ที่กรุงเทพก็มีค่ะ แต่วันนี้มาเดินเล่นที่ One Nimman เลยขอแวะมาจิบกาแฟซักนิดนึง ร้านเค้าก็ตกแต่งสวยน่ารัก กาแฟดี นั่งถ่ายหน้าร้านได้อารมณ์คาเฟ่ที่ปารีสมาก ๆ ค่ะ
“Ri8tretto”
จริง ๆ ร้านนี้เคยรีวิวไปแล้วทีนึง เป็นอีกร้านที่เวลามาเชียงใหม่ก็ต้องแวะซะหน่อยเพราะกาแฟเค้าดี๊ดีย์ นี่ขนาดคนร่วมทริปไม่มีใครดื่มกาแฟซักคนพรรษยังขออนุญาตแวะจิบกาแฟคนเดียว(แล้วให้คนอื่นนั่งรอไป อยากกินต้องได้กินอะเนอะ555) เมนูโปรดของพรรษที่นี่คือ Godfather Mocha ค่ะ
“Graph”
เป็นอีกร้านที่อยู่ในโครงการ One Nimman ค่ะ ร้านกาแฟเท่ ๆ ที่เหมาะกับคอกาแฟโดยแท้ เมนูกาแฟเค้าก็หลากหลายและครีเอทีฟค่ะ
“Cheevit Cheeva”
มาเพราะขนมและเครื่องดื่มเค้าหน้าตาน่ารักพูดเลย เห็นอะไรก็น่าสั่งไปหมด ในส่วนของรสชาติพัดว่าใช้ได้แต่ยังไม่มีเมนูไหนประทับใจเป็นพิเศษค่ะ
อัพเดทครบทุกร้านแล้วค่ะ เยอะมาก ๆ อัดแน่นมาก ๆ ช่วงนี้เจอพิษ Covid-19 เข้าไปเศรษฐกิจหงอยเหงาซบเซาพรรษเลยมีเวลานั่งทำ article ให้ได้ดูกันแบบรัว ๆ ไม่รู้ว่าจะดีใจดีมั้ยน้ออออ