จะบอกก็อาย ปีที่แล้วทำ Favorite Makeup 2018 ไว้เสร็จแล้วแต่ลืมอัพ555 รู้อีกทีอ้าวผ่านไปครึ่งปีละ เลยขอมารวบยอดของปี 2019 ด้วยเลยทีเดียวละกันค่ะ จะมีอะไรที่พรรษเลิฟฟฟฟฟฟบ้างไปดูกันเลยค่ะ
พรรษขอเริ่มตาม step การแต่งหน้าเลยละกันค่ะ
Base Makeup
ตัวแรกเริ่มกันที่ primer ปีนี้พรรษขอยกให้กับ Hourglass Mineral Primer ตัวนี้จะช่วยพรางรูขุมขนลงรองพื้นแล้วหน้าเนียนกริ๊บ ช่วยให้รองพื้นติดทน แล้วช่วยให้เกลี่ยรองพื้นได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะหน้าลื่น ๆ วันไหนอยากหน้าเนียนไร้รูขุมขนต้องลงตัวนี้เลยค่ะ
Burberry Fresh Glow Luminous Fluid Base ที่ช่วยให้ผิวดูโกลววิ๊งงงงงงสุขภาพดี พอทารองพื้นที่ปกปิดระดับ light to medium แล้วจะทำให้ผิวดูสวยเป็นธรรมชาติช่วงไหนหน้าหมอง ๆ แห้ง ๆพรรษชอบใช้ตัวนี้ค่ะ แต่ไม่เหมาะใช้กับรองพืน full coverage ค่ะเพราะจะไปทับความโกลวของ primer จนหมดค่ะ พรรษเคยทาตอนแต่งหน้าให้คุณแม่วันนั้นคุณแม่หน้าเด็กมากผิวดูสวยเด้งโกลว์มากมีแต่คนชมเลยค่ะ
มาถึงรองพื้นกันบ้าง มีเยอะหลายตัวหน่อยเพราะรวบยอด 2 ปี แล้ว 2 ปีนี้แบรนด์ต่าง ๆ ขยันออกรองพื้นกันมากเลยค่ะ
มาที่ตัวแรกที่เลิฟที่สุดในปี 2018 ตัวนี้ทางแบรนด์ส่งมาให้แล้วพรรษก็ปลื้มม๊ากกกกกกกก Bobbi Brown Long-Wear Weightless Foundation SPF15 Full Cover Oil Free Shine Control มันดีมากจริง ๆ ค่ะ เป็นรองพื้นที่ปกปิดระดับ medium to full coverage วันสบาย ๆ ก็ทาได้ เวลาจะไปงานก็เป๊ะปัง แล้วติดทนสุด ๆ แถมไม่หนักหน้าด้วยค่ะ ทาตั้งแต่เช้าดึกแล้วก็ยังผิวสวยอยู่เวลาหน้ามันแค่เอาทิชชู่ซับก็กลับมาสวยเหมือนเดิม แล้วให้ finishing แบบแมทท์ที่กำลังดีไม่แบนไม่แห้งดูเป็นผิว ในส่วนของเฉดสีก็ดีงามมาก ข้อเสียที่หาเจอมีข้อเดียวก็คือพอเซ็ตแป้งแล้วห้ามลงรองพื้นทับอีกเด็ดขาดจะเป็นคราบค่ะ ขอให้คะแนน 9.0/10
ตัวที่สองจริง ๆ พรรษชอบมาก ๆ เลยเป็นรองพื้นเนื้อแมทท์ที่ดูเป็นผิว ปกปิดได้ดี ติดแน่น ติดทน เช้ายันเย็นหน้ายังสวยไม่เป็นคราบไม่ดร็อปแม้แต่น้อย แต่ที่ปลื้มที่สุดก็คือเวลาถ่ายรูปออกมาจะดูผิวสวยมากกกกกกกกกกก แบบไม่รู้ว่าทำไม นั่นก็คือ YSL All Hours แต่ก็มีข้อเสียคือเฉดสีน้อยมากค่ะ หาที่พอดีผิวลำบาก ของพรรษก็ไม่พอดีผิวต้องผสมสองสีหรือใช้สีอ่อนทาหน้าแก้ม สันจมูก หน้าผาก คางแทนไฮไลท์ แล้วใช้ของแบรนด์อื่นที่พอดีผิวทากรอบหน้าแทนค่ะ ใครได้เฉดที่พอดีผิวนี่โชคดีเหมือนถูกหวยพูดเลยค่ะ
อันต่อมาพึ่งได้มาปี 2019 แล้วก็ใช้บ่อยมาก ๆ โดยเฉพาะวันที่ต้องไปงานหรือวันที่ต้องหน้าแน่นเช้าจรดเย็น ชอบสุด ๆ ก็คือ Giorgio Power Fabric Foundation ตัวนี้สีดีมากพอดีผิวสุด ๆ ค่ะ ติดทน เนียนกลืนไปกับผิว ปกปิดแต่ดูไม่หนายังดูเป็นผิวอยู่ค่ะ
ตัวต่อมาเป็นน้องสาวก็อันเมื่อกี้ก็คือ Giorgio Power Fabric Foundation Balm อันนี้บอกเลยว่าใช้เกือบทุกวันเป็นรองพื้นที่ใช้บ่อยที่สุดในปี 2019 แล้วค่ะ ใช้มา 2 ตลับละเพราะรักมากจริง ๆ ตัวนี้ใช้ง่ายกว่าแบบขวดมากค่ะเพราะเค้ามาในเนื้อบาล์ม แค่เอาพัฟในตลับปาด ๆ กด ๆ ผิวก็สวยเนียนกริ๊บแล้ว พรรษพกตัวนี้ติดตัวตลอดเพราะหลัง ๆ ไม่ค่อยได้แต่งหน้าออกจากบ้าน มาแต่งหน้าในรถบ้างที่ทำงานบ้าง ตัวนี้เริ่ดจริงไรจริง ที่สำคัญไม่ใช่แค่ทาง่ายแต่ผิวสวยดูเป็นธรรมชาติมากค่ะ ระหว่างวันพอผิวมีความมันก็ดูสวยโกลว์ ไปลองเถอะ แล้วจะเข้าใจที่พัดบรรยายมาค่ะ
ปี 2018 สิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตก็คือ cushion foundation ค่ะใช้แล้วติดมากเว่อร์ เพราะมันทำให้ชีวิตง่ายมากใช้สะดวกสุด ๆ แล้ว favorite ของพรรษในปีนี้บอกเลยว่าถูกและดีมากกกกกก นั่นก็คือคุชชั่นของ FIIT Cosmetics ค่ะ FIIT Everyday Cushion SPF50 PA+++ รุ่น Perfect Matte เลิฟตรงที่สีพอดีผิวมากเพราะเค้าทำมาเพื่อผิวคนไทยโดยเฉพาะ เนื้อแมทท์ที่แท้ทรูใครเบื่อคุชชั่นเกาที่จะวาว ๆ มัน ๆ เยิ้ม ๆ ขอให้ลองตัวนี้ค่ะ เป็นเนื้อแมทท์ที่สวย ถือเป็นคุชชั่นที่ติดทน และที่เริ่ชมากคือปกปิดได้แบบดีมากกกก ไม่ต้องพึ่งคอนซีลเลอร์เลยค่ะ เป็นคุชชั่นที่เหมาะสำหรับวันเร่งรีบและคนชอบเดินทางอย่างพรรษที่สุด เพราะตลับเดียวเอาอยู่ เสียอย่างเดียวคือหมดเร็วค่ะ
มาต่อกันที่ concealer ค่ะ เป็นอีก item ที่ชีวิตนี้พัดขาดไม่ได้เพราะใต้ตาคล้ำเหลือเกิน ตัวแรกพัดพึ่งได้มาเมื่อปลายปี 2018 แต่ว่าเลิฟสุด ๆ เลย ก็คือ Charlotte Tilbury Magic Away Liquid Concealer มันเริ่ชตรงที่เนื้อบางเบาดูเป็นธรรมชาติมากกกก แต่ปกปิดได้ดี แล้วก็ไม่แห้งแตกเป็นร่องระหว่างวันเลยค่ะ วันไหนที่พรรษขี้เกียจทารองพื้นพรรษจะใช้ตัวนี้แต้มเฉพาะจุดที่อยากปกปิดเช่นรอยคล้ำใต้ตา รอยสิว ก็จะดูธรรมชาติมากให้ลุค no makeup, makeup ข้อเสียมีอย่างเดียวก็คือราคาสูงแต่ปริมาณน้อยม๊ากกกก หมุนแกร๊กๆๆ แป๊บๆ เอ้าจะหมดละ
Concealer ตัวต่อมาเป็น Nars Soft Matte Concealer ตัวนี้นี่ตอนแรกพรรษก็ไม่กล้าซื้อมาใช้ไปลองอยู่ตั้งหลายทีเพราะเค้าบอกว่าไม่เหมาะกับคนผิวแห้ง ดูรีวิวแล้วดูรีวิวอีก แต่พอซื้อมาใช้จริง ๆ แล้วผิดคาดค่ะ ชอบมากกกกกก ใช้ง่ายเนื้อเนียนปกปิดดีมากเว่อร์ ใช้นิ้วแต้ม ๆ นิดเดียวก็ปิดรอยสิวรอยดำได้หมด แล้วที่คิดว่าจะแห้งจนเกินไปเกินกว่าจะใช้ทาใต้ตาได้ก็คิดผิดค่ะ ปกปิดรอยคล้ำขั้นหนักของพรรษได้ดีมากจริง ๆ ไม่แห้งแตกด้วยค่ะ แต่รุ่นน้ำ Nars Radiance Creamy Concealer ก็ยังเลิฟมากเหมือนเดิมค่ะ
มาถึงแป้งฝุ่นเซ็ตรองพื้นกันบ้างค่ะ ตัวแรกเนี่ยแค่พรรษเห็น packaging ก็ใจละลายละ เสียตังแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว Hourglass Veil Translucent Setting Powder แต่เค้าไม่ได้มีดีแค่ความสวยค่ะ เค้าออกแบบมาให้ใช้งานง่ายแป้งไม่ฟุ้งกระจายหกเลอะเทอะ ส่วนตัวเนื้อแป้งก็ละเอียดเนียนให้ความแมทท์ที่สวยค่ะ หลัก ๆ คะแนนไปเทอยู่ที่ packaging นั่นแหละค่ะ 555
ต่อมาเป็นแป้งที่พีคมากกกกกก แป้งอะร๊ายยยทาแล้วเหมือนไม่ได้ทาแป้ง ก็เจ้า Charlotte Tilbury Airbrush Flawless Finish Powder เนื้อละเอียดมากกกกก เป็นแป้งที่พรรษงงมากค่ะทาแล้วความมันเงาความหมองหายไปแต่ดูเหมือนไม่มีแป้งบนหน้า แล้วตลับก็สวยขนาดน่าพกพามาก ๆ เสียอย่างเดียวคือแพงแล้วหมดเร็วมากเลย ถ้าจะซื้ออย่าถามถึงความคุ้มค่าค่ะต้องใช้อารมณ์ล้วน ๆ
ตัวต่อมาเป็นแป้งผสมรองพื้นค่ะที่ไม่ว่าจะกี่ปีพรรษก็ไม่เคยจะเปลี่ยนใจไปจากน้องคนนี้ Laura Mercier Foundation Powder รุ่นบุกเบิกตลับเหลี่ยมเท่านั้น โปะไปตอนแรกเหมือนจะหนาเผลอแป๊บเดียวเนียนกลืนไปกับผิว พรรษชอบพกไว้ทัชอัพระหว่างวันมากค่ะ เติมนิด ๆ หน่อย ๆ หน้าก็กลับมากริ๊บเหมือนพึ่งแต่งหน้าใหม่ ๆ ที่พรรษรักแป้งตัวนี้อีกอย่างก็คือเวลาพรรษหน้าพังแห้งลอกเป็นขุยทารองพื้นไม่ติดทาแล้วเป็นขุยหนักกว่าเดิม ใช้แป้งตัวนี้เลยค่ะเอาฟองน้ำที่เค้าให้มาชุบน้ำหมาด ๆ แล้วค่อย ๆ กดแป้งให้ทั่วผลลัพท์ก็คือหน้าเด้งประหนึ่งว่าเราได้ทำการเลเยอร์ primer และรองพื้นมาอย่างดี ไม่มีใครจับได้ว่าเราลงแค่แป้งค่ะ
อันสุดท้ายของหมวดนี้ก็ต้องเป็น Setting Spray ค่ะ พรรษชอบ Urban Decay De-Slick Oil-Control Makeup Setting Spray มากที่สุดเพราะหัวสเปรย์เค้าออกแบบมาให้ฉีดออกมาเป็นละอองละเอียดมาก ไม่มีเป็นหยดใหญ่ ๆ ให้เมกอัพบนหน้าของเราด่างหรือเป็นจุดเลยค่ะ แล้วผลิตภัณฑ์เค้าก็ทำได้ดีช่วยให้เครื่องสำอางติดทนมากขึ้น หน้าดูไม่ค่อยมันค่ะ
Eye Brows
ปีนี้ดินสอเขียนคิ้วที่พรรษยอมลงทุนและเสียเงินให้เค้าไปมากมายก็คือ Benefit Precisely, My Brow Pencil ค่ะ น้องเค้าปลายแหลมเรียวไม่ว่าจะวาดโครงคิ้วหรือจะเติมเส้นตวัดหลอกชาวบ้านว่าเรามีขนคิ้วน้องคนนี้เค้าก็เอาอยู่ แล้วไม่นานมานี้เค้าออกเฉดสีเพิ่มเยอะมากค่ะ ทางเราก็เลยเสียเงินมากเข้าไปอีกเพราะพรรษชอบใช้หลาย ๆ สีให้คิ้วดูมีมิติไม่แบนแถมมี spoolie ให้มาอีก ถือเป็นการเสียเงินที่ฟินมาก555
งานคิ้วปีนี้มีแต่ของใหม่ค่ะ Eyebrows shadow ปีนี้พรรษชอบของ Dior Backstage Brow Pallete ตัวนี้ทางแบรนด์ให้มาไม่คิดว่าจะชอบเลยแต่อยู่ ๆ รู้ตัวอีกทีก็ใช้เค้าบ่อยมากค่ะ พรรษว่าพิกเมนท์กำลังดี เบลนด์ง่าย พรรษชอบใช้กับแปรงปัดคิ้วของ Zoeva ค่ะถือเป็นคู่บุญของกันและกัน ในตลับจะมีสีฝุ่น 2 สีและ wax 1 ช่องเอาจริง ๆ คือใช้แว็กซ์ไม่ค่อยจะเป็นค่ะใครก็ได้ช่วยมาสอนที
ในส่วนของ Brow Mascara ปีนี้เป็นของหายากนิดนึงเพราะไม่มีเคาเตอร์ที่ไทยก็คือ Boy Brow ของ Glossier ที่ชอบก็คือเค้าสามารถทำให้ขนคิ้วอันแสนบางของพรรษยกตัวตั้งขึ้นได้(มากกว่าของแบรนด์อื่น) เซ็ตให้คิ้วอยู่ทรงทั้งวัน ตัวแปรงก็เรียวเล็กใช้ง่ายค่ะ
Eyes
มากันที่หมวดของของที่เสียตังซื้อสีที่เหมือน ๆ กันเยอะที่สุดนั่นก็คือ Eye Shadow Palette ค่ะ ใครเป็นบ้างคะ ซื้อมาเยอะแยะแต่โทนสีเดิมตล๊อดดดดดด ที่เจ็บใจสุดคือพาเลทนึงมีเป็นสิบสี ใช้จริง ๆ อยู่ 2-3 ช่อง 555 อันแรกเลยที่พรรษขอยกให้เป็น favorite เพราะเป็นอันที่ใช้บ่อยที่สุดตั้งแต่ 2018-2019 ใช้ทีไรมีแต่คนชมว่าทาตาสวยก็คือ Tartelette Toasted จาก Tarte ค่ะ เป็นสี warm tone เนื้อดีมากมีความ creamy เบลนด์ง่าย สีสวยใช้ได้จริงและหลากหลายโอกาสมาก ๆ ไม่ว่าจะแต่งโทนสุภาพหรือจะ glam จะเปรี้ยวนางเอาอยู่ค่ะ
ตัวที่สองที่แค่เห็น preview ในเน็ตก็กรี๊ดมากกกกกกก มันเกิดมาเพื่อพรรษมนโดยแท้ และทำให้แทบไม่ได้ใช้พาเลทท์อันบนอีกเลย นั่นก็คือ Urban Decay Naked Honey นอกจาก packaking จะสวยละลายแล้ว สีทุกสีคือโทนที่พัดชอบมาก ๆ น้ำตาล ทอง copper นี่มันใช่ นี่เค้าเอามารวมอยู่ในตลับเดียว ฟินนนน์
มัวแต่พูดถึงความฟินจนลืมพูดถึงสรรพคุณของน้องเค้าค่ะ คือสีเนื้อแมทท์ก็เกลี่ยง่ายไม่เป็นคราบ สีชิมเมอร์ก็วิ้งสวยมาก ส่วนพิกเมนท์ไม่ต้องพูดถึง แน่น เป๊ะ ปัง combination ของสีและเนื้อ eyeshadow เค้าก็ mix มาได้เฟอร์เฟกท์มากค่ะ เลิฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
อันต่อมาเป็น eye shadow โทนสีชมพูอันแรกในชีวิต Charlotte Tilbury Stars In Your Eyes Eyeshadow Palette ปกติไม่คิดจะซื้อโทนชมพูเลยเพราะคิดว่าทาแล้วไม่รอดแต่อันนี้เห็นแล้วมันห้ามใจไม่ได้จริง ๆ ทั้ง packaging (อีกแล้ว) ทั้งสีที่แบบว่าน่าร๊ากกกกกกกกกก เห็นแล้วเกิดอยากเป็นสายหวานขึ้นมาซะงั้น ก็สั่งไปแบบมึน ๆ งง ๆ แต่พอได้ใช้แล้วชอบมาก ๆ ค่ะ เนื้อดีมาก ๆ มีความ creamy เบลนด์ง่าย สีสวยมาก ๆ แล้วเนื้อดีทุกช่องค่ะ บางยี่ห้อบางสีเนื้อดีบางสีทาไม่ติดเหมือนคนละยี่ห้อกัน ถ้าใครชอบแต่งโทนสีนี้อยู่แล้วบอกเลยว่าต้องมีจะฟินมาก ๆ ค่ะ
มาถึง eyeliner บ้างค่ะตัวแรกเป็นแบบดินสอ เนื้อนุ่ม เขียนง่ายไม่บาดผิว ติดทน ไม่เยิ้ม เบลนด์ง่ายด้วย แถมมีสีให้เลือกเยอะมากจนเลือกไม่ถูก นั่นก็คือ Urban Decay ค่ะ ดีทุกประการของความเป็นดินสอเขียนขอบตา #ไม่พูดเยอะเจ็บคอ
ต่อมาเป็นแบบน้ำบ้างค่ะของ Riku Cosmetics ค่ะเพราะดำสนิทมากกกกกก เขียนง่ายมาก ๆ ด้วยค่ะเป็นหัวเมจิกที่เรียวเพราะพรรษชอบเขียนเส้นเล็กชิดขอบตาค่ะ ล้างง่าย ไม่แพนด้าระหว่างงวัน แล้วราคาดีมาก 250 บาทเท่านั้นเอง
มาถึงงานขนตาอย่าง mascara กันค่ะพรรษยกให้ L’Oreal Paris Voluminous Lash Paradise Washable Mascara เลยค่ะ ราคาไม่แพง แถวปัดแล้วขนตาเด้งไม่ตกเลย ทั้งหนา ทั้งยาว สะพรึงจริงไรจริงค่ะ
Face
งานแก้มกันบ้างค่ะ บลัชตัวเดิมปีที่แล้วของ Tarte ก็ยังชอบมากอยู่แต่ปีนี้ขอเพิ่ม Charlotte Tilbury Cheek To Chick สีสวยเบลนด์ง่ายเนื้อดีมากกกกกกก ตลับก็สวยมีกระจกในตัว พัดชอบสี Ecstacy มากเป็นพิเศษค่ะ
ในส่วนของ bronzer ปีนี้เป็นตัวเดิมเป็น favorite ปีที่แล้วค่ะ เพราะสีสวยเป็นธรรมชาติมาก ๆ ทาและไม่โป๊ะ ไม่ว่าจะเอามาเฉดหน้าให้มีมิติหรือจะเพิ่มความวอร์มให้กับผิวก็สวยจบครบตลับเดียวค่ะ แถมตลับยังน่ารักขนาดกำลังดีด้วยค่ะ Packaging แบบใหม่ก็น่ารักสวยงามกว่าเดิมไปอีก
งาน highlight ของปีนี้พัดยกให้กับ palette นี้จาก Huda Beauty 3D Highlighter Palette ค่ะ มีทั้งแบบครีมและแบบฝุ่นสวยทั้งสองแบบ ไม่ว่าจะอยากได้ลุคโกลวแบบเบา ๆ หรือไฮไลท์ให้หน้าพุ่งพาเลทท์นี้ก็เอาอยู่ค่ะ ที่สำคัญคือตัวชิมเมอร์เค้าสวย เนื้อละเอียด ปัดแล้วดูแพงไม่กะโหลกกะลาค่ะ
แต่ถ้างานไฮไลท์ซอฟท์ ๆ ผู้ดี ๆ ไม่เอะอะมะเทิ่งต้องคุณ Hourglass Cosmetics Ambient Lighting Edit เค้าค่ะพรรษชอบซื้อพาเลทท์ช่วง holidays ในตลับจะมีทั้ง highlighter, bronzer, blush, finishing powder จริง ๆ ชอบทุกอย่างเลยค่ะ บลัชก็สวย บรอนเซอร์ก็ดีงาม finishing powder พรรษชอบสี dimlight จะชวยพรางรูขุมขนให้หน้านวล ๆ เป็นพาเลทท์ที่คุ้มมาก ๆ ค่ะ
Lips
มาถึงหมวดที่ยากที่สุดเลยเพราะได้ลองใช้เยอะมาก ๆ ตัดสินยากมากจริง ๆ ค่ะแต่หลัก ๆ ก็เป็นของเดิมที่ชอบนั่นแหละค่ะ555 บ่นทำไม
ลิปอันแรกเลยก็คือ Lime Crime Veletines Liquid Lipstick เป็นลิขวิดลิปสติกที่พรรษคิดว่าชอบที่สุดในท้องตลาดแล้วค่ะ ติดทนมาก สบายปากไม่แห้งจนเกินไป เนื้อเนียนทาทับหลายรอบได้ไม่เป็นคราบ กลิ่นหอมเหมือนขนมไม่มีกลิ่นเคมี ๆ สีที่ชอบที่สุดคือสี Bleached ที่ใช้จนหมดซื้อซ้ำน่าจะอันที่ 4 ได้แล้วค่ะ เป็นนู้ดอมพีชที่สวยมากกกกกกกกก อยากให้ไปลองค่ะ สีอื่น ๆ ที่พรรษชอบอีกก็มีสี Elle เป็นนู้ดที่สวยอีกเหมือนกัน, Suede Berry แดงอมส้มที่ทาแล้วหน้าไบรท์มาก แล้วก็ Red Velvet สีแดงที่สวยมากอันนึงค่ะ
อันต่อมาเป็นลิปสติกจาก Charlotte Tilbury ค่ะทั้งรุ่น K.I.S.S, รุ่น Matte Revolution, Hot Lipsพรรษชอบหมด โดยเฉพาะ Matte Revolution เป็นเนื้อแมทท์ที่ทาแล้วสบายปากมาก ๆ ค่ะ ไม่แห้งลอก สีที่ซื้อซ้ำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนก็คือ Sexy Sienna ค่ะเป็นสีพีชที่ผู้ดี๊ผู้ดี ทาได้ทุกโอกาส ส่วนสีอื่น ๆ ที่ชอบก็มี Pillow Talk สีจะเหมือนริมฝีปากธรรมชาติ, สี Stoned Rose นู้ดส้มอมน้ำตาลที่เก๋มาก ๆ ค่ะ
แล้วก็จะมี Dior Addict Lacquer Plump เป็นกึ่ง Lip Gloss กึ่ง Lip Stain เพราะให้ความฉ่ำวาวแบบกลอสแต่สีไม่หลุดหมดยังเหลือเคลือบริมฝีปากไว้เหมือน lip stain ค่ะ พัดชอบสี 538 Dior Glitz มาก ๆ มันจะวิ้ง ๆ เหมาะไปปาร์ตี้มากค่ะ หรือใครอยากได้ลุคธรรมชาติ ๆ เหมือนปากอมชมพูมาตั้งแต่เกิดก็เลือกสีที่ไม่มีกลิตเตอร์ค่ะ
ปี 2019 นี้มีตัวนึงที่ตั้งแต่ได้มาก็ใช้บ่อยอย่างไม่น่าเชื่อค่ะก็คือ Mac Shot of Color Lip Oil คือถ้าใครรู้จักพรรษจะรู้เลยว่าเป็นคนไม่ชอบทากลอส นานน๊านนนนนนนทีถึงจะทา แต่ตัวนี้ของ Mac คือเค้าตอบโจทย์หลายอย่างของพรรษมากค่ะ 1 คือให้ความชุ่มชื่นกับริมฝีปากได้ดีมาก สองคือกลบสีปากได้ดี สามคือมันมีความ stain คือลิปหลุดแต่ก็ยังมีสีติดริมฝีปากเราอยู่พอควรทำให้ปากไม่ซีดเหมือนคนป่วยเหมือนกลอสทั่ว ๆ ไปที่หลุดง่ายต้องคอยเติมตลอดเวลาค่ะ สีที่พัดชอบที่สุดคือสี Pocketful of Sunshine สีจะออกพีช ๆ น่ารัก ๆ วันไหนไม่แต่งหน้าแค่ทาสีนี้ก็ดูสุขภาพดีแล้วค่ะ
ในส่วนของดินสอเขียนขอบปากพรรษมีให้เลือก 2 แบรนด์ 2 ราคาค่ะ อันแรกราคาเบา ๆ ของ NYX ค่ะ เนื้อดีมากมีทั้งแบบดินสอที่ต้องเหลาและแบบหมุนจริง ๆพรรษชอบอะไรที่ไม่ต้องเหลามากกว่าแต่ความรู้สึกเหมือนรุ่นดินสอจะเนื้อดีกว่าหน่อย
ส่วนของแบบ hi-end ขอยกให้ Charlotte Tilbury Lip Cheat (อีกแล้ว) แบรนด์นี้ติด favorite เยอะจริงจัง ในไทยก็ไม่มีขายอย่าพึ่งเกลียดกันนะคะ เชื่อว่าผู้อ่านของบล็อกเรามีความสามารถสูงหาซื้อได้ชิลล์ ๆ อยู่แล้ว พัดชอบใช้สี Pillow Talk มากค่ะเพราะเป็นคนขอบปากค่อนข้างคล้ำ ใช้ตัวนี้ลงกลบสีปากเฉพาะขอบก่อนเพื่อปรับสีริมฝีปากให้เท่ากันก่อนจะลงกลอสเบา ๆ หรือพวกลิปที่พิกเมนท์ไม่แน่นเวิร์คมากค่ะ
Tools
มาถึงอุปกรณ์การแต่งหน้าบ้างดีกว่า พรรษคัดมาเฉพาะอันที่ชอบมากจริง ๆ อาจจะไม่ครบทุกหมวด อันแรกเลยยกให้ it Cosmetics Heavenly Luxe™ Complexion Perfection Brush #7 ตัวนี้มี 2 ด้าน ฝั่งนึงใว้เกลี่ยรองพื้นอีกฝั่งเป็นแปรงเล็กไว้เกลี่ยพวกคอนซีลเลอร์ แปรงอันนี้พรรษเลิฟมากเพราะนุ่มแล้วก็เกลี่ยรองพื้นได้เรียบเนียน ช่วยประหยัดเวลาได้มาก ๆ แล้วทำให้มือเราไม่ต้องเลอะ แล้วพรรษยังใช้เกลี่ยคอนทัวร์และไฮไลท์แบบครีมด้วย คุ้มมาก ๆ ค่ะ
สิ่งต่อมาเชื่อว่าสาว ๆ ที่ชอบแต่งหน้าต้องมีกันทุกคนค่ะ นั่นคือ Beauty Blender ฟองน้ำในตำนาน ดียังไงไม่ต้องพูดเยอะเนอะ รู้ ๆ กันอยู่แล้วว่าช่วยให้เกลี่ยรองพื้นได้เรียบเนียน ช่วยให้รองพื้นดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ ใช้ง่ายชีวิตดีขึ้นเยอะค่ะ
เซ็ตแปรงแต่งหน้าจาก Zoeva พรรษเคยคิดมาตลอดตั้งแต่เด็กว่าทำไมแปรงแต่งหน้าต้องราคาแพงขนาดนั้นไม่เคยเข้าใจ ในที่สุดก็มีคนคิดแบบเราทำแปรงคุณภาพดีราคา affordable ให้คนทั่ว ๆ ไปสามารถมีแปรงแต่งหน้าครบเซ็ตได้โดยกระเป๋าตังค์ไม่ฉีก แถมแบรนด์นี้ยังทำดีไซน์สวยน่าใช้ด้วยค่ะ
จบแล้วกับ Favorite Makeup 2018-2109 หวังว่าจะถูกใจกันนะคะ ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นและความชอบส่วนตัวของพรรษอ่านแล้วก็ตั้งสติกันก่อนจะพุ่งตัวไปซื้อหรือว่ากดช็อปออนไลน์นะคะ เคยเจอแฟนเพจอ่านแล้ววู่วามไปสอยตามทุกชิ้นทำเอาพรรษตกใจแต่จริง ๆ ก็ปลื้มอยู่นะ555 แนะนำว่าควรไปลองด้วยตัวเองกันก่อนค่ะเพราะแต่ละคนก็ความชอบไม่เหมือนกันค่ะ