จะบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่พัดมาพักรีสอร์ทที่มัลดีฟส์เลยค่ะ ทั้ง ๆ ที่มัลดีฟส์นี่เป็น dream destination มานานแสนนานแต่มาครั้งแรกก็นอนบนเรือเพราะเป็นทริปดำน้ำ มารอบนี้พัดเลยคัดสรรอย่างดีว่าจะไปพักที่ไหนจนมาลงล็อกที่ Anantara Kihavah Maldives Villas ด้วยเหตุผลหลายประการไม่ว่าจะเป็นรีสอร์ต 6 ดาว มีร้านอาหารใต้น้ำที่สวยม๊ากกกกก แล้วอีกหนึ่งความพีคของคนรักสัตว์และรักการดำน้ำอย่างพัดก็คือที่รีสอร์ทมีเรือยอช์ทพาเราไป snorkel ดูฝูง Manta ที่อยู่กันเกือบร้อยตัวใกล้ ๆ เกาะเรานี่เองค่ะ
อีกหนึ่งปัจจัยที่เมื่อก่อนพัดไม่เคยให้ความสำคัญเลยก็คือเรื่องอาหารไทย ที่นี่มีอาหารไทยให้ทานด้วยนะคะ แต่เพราะปกติเป็นคนไม่ติดทานอาหารไทยทานอาหารชาติไหนก็ได้ขอให้อร่อยพอเลยไม่ค่อยได้สนใจนัก แต่คราวก่อนที่มาดำน้ำเจออาหารมัลดีฟส์เข้าไป 7 วันเต็ม ซึ่งอาหารมัลดีฟส์นี่ก็คืออาหารแขกดี ๆ นี่เองทางเราไม่ไหวกับเครื่องเทศแขกมาก ๆ ทรมานกับอาหารมาก รอบนี้เช็คแล้วว่าที่นี่มีทั้งอาหารนานาชาติและมีอาหารไทยด้วย แล้วเป็นโรงแรมเชนของคนไทยเลยคิดว่าอาหารไทยน่าจะโอเคอยู่ค่ะเป็นยังไงเดี๋ยวมาเล่าให้ฟังค่ะ
Transportation
ทริปนี้พัดเดินทางด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ เวลาขาไปถือว่าดีทีเดียวค่ะ มาถึงมาเล่ตอน 11:45 สำหรับใครที่ต้องนั่งสปีดโบ้ทหรือว่า seaplane ต่อไปตามรีสอร์ทก็ถือว่าไม่สายจนเกินไป (ส่วนขากลับเครื่องออก 12:30 แนะนำว่าให้เผื่อวันมาค้างคืนสุดท้ายที่มาเล่ก่อนกลับจะได้ไม่เสีย 1 วันเต็ม ๆ ที่รีสอร์ทค่ะ)
พอมาถึงสนามบินที่มาเล่แล้วทางรีสอร์ทของ Anantara เค้าจะมี lounge ให้เราเข้าไปติดต่อและนั่งพักรอพนักงานประสานงานกับทาง seaplane ให้ค่ะ ใครที่พักรีสอร์ทในเครือ Anantara สามารถใช้ได้หมดซึ่งที่มัลดีฟส์เค้ามีรีสอร์ทในเครือถึง 4 แห่งค่ะ ส่วนใครที่คืนแรกนอนที่มาเล่ก็สบายใจหายห่วงได้ค่ะเพราะว่าทางรีสอร์ทเค้าจะติดต่อโรงแรมเพื่อประสานงานให้ค่ะ
พอรถที่จะไปส่งที่สนามบิน seaplane พร้อมพนักงานของรีสอร์ทเค้าก็จะพาเราไปขึ้นรถค่ะ จากสนามบินไปสนามบิน seaplane ของ Maldivian Seaplane ก็ใช้เวลาไม่กี่นาทีค่ะ ที่นี่แน่นอนว่าก็มี lounge สำหรับแขกของ Anantara อีกเช่นกันค่ะ ใหญ่ สวยงาม และมีของว่าง ชา กาแฟ ให้ด้วยค่ะ
จากมาเล่ไปที่ Anantara Kihavah Villas ใช้เวลา 35 นาทีค่ะ เคยได้ยินมาว่านั่ง seaplane น่ากลัวเพราะเครื่องเล็ก แต่เท่าที่นั่งมา 2 รอบไป-กลับนี่พัดว่าสมูทมากเลยนะคะ ไม่น่ากลัวเลย หรือเราอาจจะโชคดีเจออากาศดีรึปล่าวไม่แน่ใจ
พอเครื่องบินมาจอดกลางน้ำทางรีสอร์ทเค้าก็จะมีเรือมารับ และบัตเลอร์ของเราก็มารอรับเราตั้งแต่บนเรือกันเลยทีเดียวค่ะ รอบนี้บัตเลอร์ของพัดชื่อ Kathy นางน่ารักบริการดีมากกกกก อยากได้อะไรนางจัดให้ทุกสิ่งอย่าง มีโทรศัพท์ส่วนตัวให้เรา 1 เครื่องไว้โทรหาบัตเลอร์โดยเฉพาะ และเกือบทุกครั้งที่เราโทรเรียก buggy มารับ บัตเลอร์ของเรานี่แหละจะเป็นคนขับมารับเราค่ะ
Accommodation
พอเรามาถึงห้องก็มีพนักงานจากสปามารอต้อนรับเราอยู่ที่ห้องแล้ว แถมตระเตรียมอุปกรณ์มาล้างเท้าและสครับเท้าให้เราใว้ที่ระเบียงด้วยค่ะ
มาดูห้องกันดีกว่าค่ะ ฟินกับห้องมากจุดนี้
- Black and White Swimsuit : Luxe Swimsuit
โดยเฉพาะห้องน้ำคือใหญ่และสวยและวิวดีมากค่ะ เนี่ยๆปกติขี้เกียจอาบน้ำมากแต่เจอห้องน้ำแบบนี้เข้าไปให้อาบวันละหลาย ๆ รอบก็จะไม่บ่นเลย
- Brown, White, and Grey Swimsuits : Vintage Flamingo
Restaurant
ความดีงามของการมารีสอร์ทใหญ่ ๆ อีกอย่างก็คือเค้าจะมีห้องอาหารมากมายหลายห้องให้เราสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปทานได้ไม่เบื่อ อย่างที่ Anantara Kihavah Maldives Villas ก็จะมีห้องอาหารทั้งหมด 5 ที่ค่ะ คือ
- Fire : Flames and flair on the flat-top grill
- Sea : Fine dining and wining beneath the ocean’s surface
- Salt : Succulent Asian specialities perched over the ocean
- Manzaru : Poolside bites and refreshing Mediterranean cuisine by day
- Plates : Beachfront international flavours
และบาร์อีก 1 ค่ะ คือที่ Sky : Sunset cocktails and Champagne beneath the stars นอกจากนั้นก็ยังมี In-Villa Dining ให้สั่งได้ตลอดและ Dining by Design ถ้าใครอยากจะโรแมนติกให้ทางรีสอร์ตจัด private dinner ริมทะเลขอแฟนแต่งงานเค้าก็จัดให้ได้ค่ะ
พาไปดูร้านแรกที่พัดไปทานนั่นก็คือ Sea ที่เป็นห้องอาหารใต้น้ำกันค่ะ พัดแอบส่องร้านอาหารใต้น้ำที่มัลดีฟส์มาหลายที่แต่บอกเลยว่าที่นี่มันพีคมากจริง ๆ เพราะนอกจากเค้าจะตกแต่งร้านได้สวยงามเก๋มาก ๆ แล้ว รอบ ๆ กระจกเค้ายังปลูกปะการังไว้เต็มไปหมดสีสันสวยงามทำให้มีปลาเล็กปลาน้อยมาอยู่เยอะมากค่ะ ปลาตัวใหญ่ก็มี นั่ง ๆ ทานอาหารอยู่เดี๋ยวก็เจอเต่า ปลากระเบน ปลาฉลาม ว่ายผ่านตลอดโดยเฉพาะน้องเต่านี่นางมาปักหลักหาของกินแถวนี้โชว์ตัวให้ดูนานมาก ๆ ค่ะ พัดฟินมากที่สุดของที่สุด ถึงค่าอาหารจะแพงตกคนละ 1 หมื่นบาทแต่สิ่งที่ได้นั้นคุ้มมากจริง ๆ ค่ะ อาหารเค้าก็อร่อยด้วย
ที่เห็นจากรูปร้านอาหารใต้น้ำที่รีสอร์ทอื่นที่มัลดีฟส์ส่วนมากจะดูฟ้า ๆ ไม่ค่อยมีปลาให้เห็นเยอะขนาดนี้ค่ะ แล้วก็ไม่ได้ตกแต่งร้านสวยเท่านี้ เลยไม่แปลกใจว่าทำไมที่นี่เค้าได้รางวัลร้านอาหารใต้น้ำที่ดีที่สุดมาหลายครั้งแล้วค่ะ
ตกเย็นพัดมาที่นี่อีกรอบเพราะมี wine tasting ที่ร้านนี้ ที่นี่เค้ามี wine cellar ใต้น้ำด้วยนะคะ ทางโรงแรมเค้าก็จะจัด sommelier มาดูแลเราโดยเฉพาะจัดไวน์และของว่างที่เหมาะกับไวน์ที่เค้าจัดให้แต่ละแบบ มาคุยแล้วก็ให้ความรู้เรื่องไวน์กับเรา นางคุยเก่งมากกกกบอกเลย
ดื่มจนเคลิ้มกันไปแล้วก็ได้เวลามานั่งชิลล์ดูพระอาทิตย์ตกที่ Sky Bar ก่อนไปทานอาหารเย็นค่ะ
ด้านหลังที่เห็นเป็นกระท่อมคือร้าน Fire เป็นร้านเดียวในรีสอร์ทที่พัดไม่ได้ไปทานค่ะ
สำหรับห้องอาหาร Plates เป็นที่ ๆ เรามาทานอาหารเช้ากันทุกวันค่ะ ตอนเช้าก็จะเป็น buffet และมีเมนู a la carte ให้สั่งด้วยค่ะอาหารเยอะมาก ๆ จนเลือกไม่ถูกเลยค่ะว่าจะทานอะไร ส่วนตอนกลางคือก็จะเป็น buffet เหมือนกันค่ะแต่เค้าจะเปลี่ยนธีมทุกวัน วันที่พัดมาทานเป็น BBQ ส่วนมากอาหารจะเน้นเป็นพวกอาหารแขกทั้งอินเดียนทั้งอาหรับค่ะ
ห้องอาหารอีกห้องที่พัดว่าต้องถูกใจคนไทยแน่นอนนั่นก็คือ Salt ค่ะเป็นห้องอาหารเอเชียนที่มีเมนูอาหารไทยเยอะมาก แล้วที่สำคัญคือรสชาติดีมากกกกกกก เหมือนทานอยู่ที่ไทยเลยค่ะไม่รู้เลยว่านี่เราอยู่มัลดีฟส์ เมนูที่สั่งก็มีเมี่ยงคำ ยำส้มโอ แกงเขียวหวาน ต้มข่า ปอเปี๊ยะ อร่อยทุกจานฟินสิคะ
Activity
ที่ Anantara Kihavah Maldives Villas เค้ามีจักรยานให้แขกของโรงแรมทุกคนคนละคันค่ะ ที่น่ารักก็คือเค้าจะทำป้ายชื่อเราแขวนไว้ที่จักรยานให้ด้วยค่ะจะได้รู้ว่าคันไหนของใคร นอกจากจะเรียกbuggyให้มารับเวลาไปไหนมาไหนก็ใช้จักรยานนี่แหละค่ะ เพราะที่รีสอร์ทพื้นที่เค้ากว้างใหญ่มากจริง ๆ พัดก็ปั่นเจ้าจักรยานนี่แหละค่ะไปเที่ยวรอบ ๆ บริเวณโรงแรม ไปนั่งเล่นริมหาดบ้าง ไปเล่นชิงช้าในน้ำบ้าง
จริง ๆ ที่รีสอร์ทนี้เค้ามีกิจกรรมที่พัดฝันใฝ่และตั้งใจมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆ ว่าจะต้องมาทำให้ได้นั่นก็คือการนั่งเรือไปว่ายน้ำและ snorkelling ดู Manta เพราะที่นี่เค้ามีฝูงแมนต้าเกือบร้อยตัวออกมาว่ายให้เราดูได้แบบชิลล์ๆ ไม่ต้องดำน้ำ scuba ก็เห็น (จริง ๆ จุดนี้เค้าไม่ให้ดำน้ำ scuba นะคะเพราะไม่ต้องการให้นักดำน้ำไปรบกวนธรรมชาติค่ะ) ซึ่งช่วงที่พัดไปก็เช็คแล้วแหละว่าเป็นฤดูของเค้าเลยแต่รอแล้วรออีกรอน้องทุกวันเช้าสายบ่ายเย็นน้องก็ไม่มา ฮือออออออออ ร้องไห้ แต่ข้อดีก็คือทางรีสอร์ทเค้าจะเช็คให้ก่อนทุกวันว่าวันนี้น้องๆมากันมั้ยถ้าไม่มาเค้าก็ยกเลิกทริปให้ค่ะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
เอาภาพของทางรีสอร์ทมาให้ดูว่านี่แหละที่เราตั้งใจมาเพื่อสิ่งนี้เลย
นอกจากนี้เค้าก็ยังมีกิจกรรมอีกเยอะมากกกกก เรียกว่าอยู่อาทิตย์นึงก็ไม่เบื่อค่ะ ทั้งต่อยมวย โยคะ พิลาทิส พายเรือคายัก painting เรียนทำอาหาร snorkel scuba dive(ที่รีสอร์ทมีไกด์นำเราไปดำน้ำด้วยค่ะ) แล้วก็สปาที่บอกเลยว่า therapist ของที่รีสอร์ทนี้เค้าเริ่ดมากๆค่ะ เพราะว่า therapist ตัวท็อปของรีสอร์ทชื่อคุณโดม ศรีสวัสดิ์ที่มีประสบการณ์มาถึง 15 ปีและลูกค้าของคุณโดมแต่ละคนก็เป็นทั้ง celebrity ระดับโลก sheik และราชวงศ์ ทั้งนั้นเลยค่ะ ซึ่งคุณโดมได้คิดค้นทรีตเมนต์นวดตัวไมโอเฟส์เชียล (Myofascial Release Body Massage) 90 นาที เพื่อช่วยบรรเทาและบำบัดอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังโดยผสานเทคนิคการนวดบำบัดของฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกเข้ากับการยืดกล้ามเนื้อ ก่อนที่จะนวดตัวด้วยน้ำมัน และหินร้อนตามด้วยการกดจุด โดยก่อนการนวดจะมีการเช็คสภาพร่างกายและจิตใจและปรับการบำบัดให้เหมาะกับความต้องการของแขกผู้เข้ารับบริการ ช่วยให้กล้ามเนื้อแต่ละมัดรวมถึงเนื้อเยื่อพังผืดที่แข็งตึงได้ยืด คลายตัว ส่งให้เกิดความสมดุลลดความปวดเมื่อยที่เรื้อรังและยังเป็นการช่วยปรับท่าทางของร่างกายให้ดีขึ้น พัดเองได้มีโอกาสทำสปากับคุณโดมมาแล้วบอกเลยว่าดีมากประทับใจมาก ๆ บอกเลยว่าเสร็จแล้วตัวเบา สบายมาก ๆ ค่ะที่เคยเมื้อล้ากล้ามเนื้อตึงคือดีขึ้นทันตา แขกของรีสอร์ทที่มาพักนาน ๆ เนื่องจากมาฟื้นฟูร่างกายจากอาการป่วยจึงชอบมาเป็นขาประจำของคุณโดมค่ะ
พัดไม่ได้ถ่ายรูปสปามาให้ดูกันเลยเลยเอาภาพจากโรงแรมมาฝากค่ะ
ที่เก๋ไก๋อีกอย่างที่พัดว่าน่าจะมีที่นี่ที่เดียวนี่แหละ ก็คือเค้ามี “หอดูดาว” ค๊าาาาา แล้วยังมีกิจกรรมคลาสดูดาวที่นี่ทุกคืนด้วยค่ะโดยเค้าจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์มาดูแลเรา แต่อันนี้พัดไม่ค่อยอินเท่าไหร่เลยไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมด้วย ได้แต่ถ่ายรูปกับหอดูดาวมาให้ดูแทนค่ะ
ตอนนี้ก็หมดเวลาแห่งความสุขแล้วได้เวลากลับบ้านไปสู่โลกแห่งความจริง ไปไถนาหาเงินมาเที่ยวกันต่อค่ะ คราวหน้าจะไปเที่ยวไหนอีกฝากติดตามด้วยนะคะ บ๊ายบาย