ที่ใครเค้าว่ากันว่าปารีสเป็นมหานครแห่งความรักพัดว่าก็ไม่ได้เกินจริงเลยค่ะ เพราะเป็นเมืองที่สวยงามและโรแมนติกไปซะซุกซอกมุมซะจริง ๆ พัดไปแล้วยังอดหลงรักปารีสไม่ได้ ถึงแม้ว่าเพื่อน ๆ พัดหลายคนไปแล้วจะกลับมาบ่นว่าไม่เห็นจะสวยอย่างที่คิดแต่พัดกลับรู้สึกว่าเป็นเมืองที่มีสเนห์มาก ๆ มีการออกแบบวางผังเมืองไว้อย่างดีงามมาก และชาวปารีเซียงก็ดูจะเก๋มีรสนิยมแต่งตัวกันก็เก่ง ร้านรวงตกแต่งไว้อย่างสวยงามน่ารักทั้งนั้นแค่ได้เดินดูก็เพลิดเพลินเจริญใจ
พัดอยู่ปารีสทั้งหมด 6 วัน 5 คืนค่ะ ดูเหมือนจะเยอะแต่บอกเลยว่าได้ทำอะไรน้อยมาก จะเขียน Itinerary ก็แอบเขินเพราะวัน ๆ นึงส่วนมากจะได้ไป 1-2 ที่เท่านั้นไม่ค่อยน่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างซักเท่าไหร่ เรื่องของเรื่องคือพัดมากับคุณพ่อคุณแม่ค่ะก็เลยเป็นทริปสุดจะชิลล์ ปกติพัดว่าพัดก็ชิลล์มากแล้วเจอคุณพ่อคุณแม่เข้าไปโอ้โห พักงีบทุกบ่ายจร้าาาา แถมเย็น ๆ บอกเหนื่อยละทานข้าวที่โรงแรมละกัน ตึ่งงงงง!!!! listร้านอาหารมากมายที่เตรียมมาเลยเก็บไปได้ครึ่งเดียวเท่านั้นค่ะ
มาเริ่มกันที่วันแรกค่ะพัดมาถึงประมาณบ่าย 3 โดยสายการบิน Etihad Airways ค่ะ ก็ตรงดิ่งไปยังโรงแรม check-in แล้วพักแป็บนึงก็ออกมาเดินเล่นเล็กน้อยแถว ๆ “Place Vendôme” มีร้านให้ช้อปพอสมควร แล้วไปทานอาหารเย็นที่ร้าน “La Souffle” ค่ะ
ร้าน “La Souffle” อาหารเกือบทุกอย่างของร้านนี้เป็น Souffle ชื่อร้านก็บอกอยู่ ^^ พัดสั่งซูเฟลกันคนละที่ค่ะ แล้วต่อด้วยซูเฟลของหวานอีก 2 จานมาแบ่งกันค่ะแนะนำว่าใครจะมาทานถ้ามากัน 4 คนแบบพัดสั่งซูเฟลแบบคาวซัก 2 อย่างก็พอค่ะและสั่งอย่างอื่นที่ไม่ใช่ซูเฟลบ้าง แล้วสั่งของหวานอีกซักอย่างจะไม่เลี่ยนจนเกินไป
วันที่ 2 หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมแล้วก็ไป “Musée du Louvre” หรือว่าพิพิทธภัณฑ์ลูฟร์กันค่ะ ที่โด่งดังที่สุดที่นี่ก็คือภาพวาดโมนาลิซ่าค่ะ แต่ว่าพัดไม่ได้เข้าไปดูนะคะเพราะคุณพ่อคุณแม่เคยมาแล้ว ท่านเลยขี้เกียจเดิน ตรงนี้ถ่ายรูปสวยมากจริง ๆ มาแค่ถ่ายรูปก็ฟินแล้วค้าาา
จากนั้นเราก็ไปทานอาหารกลางวันกันที่ร้านสุดแสนจะชิคและมีสไตล์ “KONG” ร้านตกแต่งสวยเก๋มากกกกกก ก. ไก่ล้านตัว KONG เป็นอาหาร Japanese Fusion ค่ะตอนแรกก็กลัวว่าจะไม่อร่อยแต่ปรากฏว่าใช้ได้เลย ถือว่าดีงาม กลางวันมีทั้ง lunch set และ a la carte ค่ะ
จบอาหารคาวแล้วเราก็ต้องต่อด้วยของหวานสิคะเพราะบ้านพัดนี่สายของหวานตัวจริง เราเลยไปร้านขนมเจ้าดังของปารีส “Angelina” นั่นเอง ไปถึงโอ้โห…คิวจะยาวอะไรเบอร์นั้น ไม่แน่ใจว่ายาวแบบนี้ทุกวันหรือเป็นความโชคร้าย (เหมือนจะมีกรุ๊บใหญ่จองไว้ค่ะ)
พัดสั่งมาหลายอย่างส่วนมากเป็น signature ของร้านค่ะ มี Mille Fuille, Mont Blanc, Sissi, Caramel Ecalir แล้วก็ชาซึ่งเข้ากันได้ดีกับขนมมาก ๆ ค่ะ นอกจากขนมอร่อยแล้วร้านก็ยังสวยงามอลังการประหนึ่งว่าเราได้จิบชาทานขนมอยู่ในวังค่ะ
หลังจากนั้นก็ไปเดินช้อปปิ้งแถว Champs-Élysées ใครชอบshoppingจะพลาด Champs-Élysées ไม่ได้เลยนะคะขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งช้อปที่มีชื่อเสียงที่สุดของปารีส พัดเองก็ช้อปซะหน่อยกรุบกริบ ๆ ก่อนจะกลับโรงแรมพาสว.ไปงีบตามสไตล์
พอถึงมื้อเย็นเพื่อนสาวสุดชิคของพัดบอกว่ามาปารีสแล้วต้องมาทานไก่ดำค่ะ นางเลยอาสาพาไปทานไก่ดำของดีเมืองปารีสอยู่แถว “Montorgueil” ซึ่งเป็นย่านน่ารัก ๆ มีร้านอาหาร คาเฟ่มากมายควรค่าแก่การมาเดินเล่นก่อนทานอาหารเป็นอย่างมาก มีร้านเอแคลร์ร้านดังอยู่ตรงนี้ด้วยค่ะ
ร้านนี้ชื่อ “Malibu” เป็นร้านอาหาร African แต่เราสามารถไปนั่งทานร้านข้าง ๆ ซึ่งเป็นร้านพิซซ่าเจ้าของเดียวกันได้ด้วยค่ะชื่อร้าน “O’scia Pizzeria Napoletana” พัดนั่งทานร้านนี้ค่ะเพราะอยากทานพิซซ่าด้วย
อย่าพึ่งงงตอนไก่มาเสิร์ฟนะคะว่าเห้ยทำไมไก่ไม่เห็นดำเลย ที่มาของไก่ดำนั้นมาจากเจ้าของสูตรเป็นชาวAfricanค่ะ ไก่นี้จะเสิร์ฟมากับข้าวสวยแล้วก็น้ำจิ้ม 3 แบบค่ะ พัดชอบแบบที่เป็นสีเขียวมากที่สุดค่ะ ถามว่าอร่อยมั้ยพัดชอบนะ เนื้อไก่นุ่มมม แล้วน้ำจิ้มก็อร่อย พัดว่าน่าจะถูกใจคนไทยตรงที่ได้ฟีลตรงที่ทานกับข้าวสวยนี่แหละ นอกจากนั้นพัดก็สั่งสลัด และPizza Margarita ค่ะ รสชาติโอเคทุกอย่างค่ะ
วันที่ 3 เริ่มวันด้วยการออกไปทานอาหารกลางวัน วันนี้เราจองร้าน Michelin Star 1 ดาวไว้ค่ะชื่อร้าน “Le Carre des Feuilants” สั่งอาหารมามากมายหลายสิ่ง พัดไม่ได้ประทับใจอาหารร้านนี้มากเท่าไหร่ค่ะรู้สึกว่าดีแต่ไม่wow แต่บริการนี่ดีงามล้ำเลิศสมกับเป็น Michelin มากค่ะ เมนูไม่มีภาษาอังกฤษนะคะมีแต่ภาษฝรั่งเศสแล้วพนักงานเค้าจะมาอธิบายเป็นอังกฤษให้ฟังค่ะ
หลังจากอิ่มหนำสำราญกันไปแล้วเราก็ไป “Sacré-Cœur Basilica” เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิคชื่อดังที่ใคร ๆ ก็ต้องมากันตั้งอยู่ที่ “Montmarte” ยอดเขาสูงที่สุดของปารีสเป็นโบสถ์สวยงามทั้งภายนอกและภายในและยังเป็นจุดชมวิวด้วยค่ะ “Sacré-Cœur Basilica”เป็นสถาปัตยกรรมแบบโรมัน-ไบแซนไทน์ (Romano-Byzantine) ซึ่งถือว่าเป็นการออกแบบที่แปลกใหม่มากในยุคนั้นออกแบบโดยโปล อะบาดีค่ะ
นอกจากนั้นที่ Montmarte นี้ยังเป็นย่านที่น่ารักมากกกกก น่าเดินเล่นที่สุด ริม 2 ทางเดินก็จะเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านเครป แล้วก็ขายภาพจิตรกรรมต่าง ๆ ภาพสีน้ำบ้าง สีน้ำมันบ้าง เรียงรายไปตามทางเดิน พัดแวะทานอาหารเย็นที่ตรงนี้ก่อนจะกลับโรงแรมค่ะ
วันที่ 4 เราจะไปล่องเรือชมวิวทานอาหารกลางวันกันค่ะ 11.30 รถก็จะมารับที่โรงแรมเพื่อไปส่งยังท่าเรือ พอขึ้นเรือแล้วก็จะมีอาหารมาเสิร์ฟค่ะมีทั้งหมด 3 คอร์ส เป็น appetizer, Main dish, แล้วก็ของหวาน สำหรับเครื่องดื่มมีแต่น้ำเปล่าให้นะคะใครอยากส่ังไวน์ ชา กาแฟก็สามารถสั่งได้แต่ไม่รวมอยู่ใน package ต้องจ่ายเพิ่มค่ะ
หลังจากลงจากเรือพัดก็นั่งแท็กซี่ไปหอไอเฟลค่ะ ถ้ามาปารีสแล้วไม่ได้มาไอเฟลก็เหมือนมาไม่ถึงจริงมั้ยคะ แต่ถ้าใครอยากได้รูปไอเฟลสวย ๆ แนะนำว่าต้องออกไปไกลหน่อยค่ะเดินข้ามสะพานไปหรือจะไปตรงสวนสาธรณะก็ได้จะได้มุมที่เห็นไอเฟลสวยกำลังดีค่ะ
หลังจากถ่ายรูปกระหน่ำจนหนำใจแล้ว ก็ไป Musée d’Orsay ต่อค่ะ ที่ Musée d’Orsay ก็จะเป็นภาพจิตรกรรมแล้วก็รูปปั้นค่ะ พัดไม่ค่อยปลาบปลื้มเท่าไหร่ค่ะ
วันที่ 5 วันนี้เราได้ซื้อตั๋ว Hop on, hop off เอาไว้ค่ะเป็นของ Big Bus ซึ่งจะพาทัวร์ไปรอบ ๆ เมืองปารีสและแวะจอดจุดท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ของเมืองทั้งหมดเช่น
- Opéra Garnier
- Musée du Louvre
- Musée d’Orsay
- Eiffel Tower
- Champs-Élysées
- Place Vendôme
- Notre Dame
- Place de la Madeleine
- Palais Royal
- Hotel des Invalides
- Petit Palais
- Palais du Luxembourg
- Grand Palais
เราสามารถลงตรงจุดไหนตามนี้ก็ได้ เที่ยวเสร็จแล้วก็ขึ้นรถไปต่อได้ รถจะวนมารับส่งตลอดทุก ๆ 20 นาทีค่ะ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งเลยค่ะ https://www.bigbustours.com/en/paris/hop-on-hop-off-paris/
พัดเริ่มจากจุดแรกคือ Opera Garnier ค่ะเพราะว่าใกล้โรงแรมที่พักมาก ๆ ค่ะเดินมา 5 นาทีก็ถึงค่ะ
อ้าวยังไม่ทันได้เที่ยวเท่าไหร่ถึงเวลาอาหารซะแล้ว เที่ยงนี้เราจะไปลิ้มรสอาหาร Michelin 2 ดาวกันค่ะ ร้าน “La Grande Cascade” อยู่นอกเมืองค่ะต้องนั่งรถออกไปประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ก็ดีงามควรค่าแก่การเดินทางมาอยู่ค่ะ เพราะนอกจากอาหารจะอร่อยแล้วร้านก็ยังสวยมากด้วยค่ะ ส่วนเรื่องบริการนี่ไม่ต้องพูดถึงค่ะ ชนะเลิศ!
อิ่มกันแล้วเราก็ไป Hop on, hop off กันต่อค่ะ พัดนั่งยาว ๆ เลยชมวิวชมเมืองเพราะรถจะผ่านทุกสถานที่ท่องเที่ยว แล้วพัดค่อยแวะลงที่ Notre Dame, Champs-Élysées, และประตูชัยทีหลังค่ะ
วันที่ 6 วันนี้พัดจะเดินทางออกจากปารีสเพื่อไป Loire Valley แต่ก่อนที่เราจะออกจากปารีสก็ขอไปเยี่ยมชมพระราชวังแวร์ซายกันก่อนค่ะ เริ่มจากไปเช่ารถเพื่อขับไปแวร์ซายเพราะจากแวร์ซายเราจะขับรถไปเที่ยวลัวร์กันต่อเลยค่ะ จากปารีสไปพระราชวังใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงค่ะ ขับไปไม่ยากเลยค่ะขึ้นไฮเวย์ตรงปรื้ดเดียวก็ถึงค่ะ
ที่ Versailles มีที่จอดรถอยู่หน้าพระราชวังเลยค่ะเดินไม่ไกล ก่อนจะเข้าพระราชวังก็จะมีการตรวจกระเป๋าก่อนเข้ารั้ววัง 1 รอบ จุดนี้คิวไม่ยาวมากค่อนข้างเร็วค่ะแค่เปิดกระเป๋าให้พนักงาน security ดูแค่นั้นค่ะคิวของจริงอยู่ด้านในค่ะหึหึ
หลังจากเข้ารั้ววังมาแล้ว พระเจ้า…คิวยาวเป็นกิโล นี่ไม่ใช่คิวซื้อตั๋วนะคะแต่เป็นคิวเพื่อตรวจตั๋วและสแกนกระเป๋าเพื่อเข้าชมพระราชวัง เห็นแล้วอยากร้องไห้เป็นภาษาฮิบรู เนื่องจากว่าครอบครัวพัดซื้อตั๋ว Museum Pass มาก่อนแล้วเลยไม่ต้องไปซื้อตั๋ว แต่สำหรับใครที่ยังไม่ได้ซื้อตั๋วมาไม่ต้องกลัวค่ะคิวไม่ยาวอย่างที่คิด ประมาณ 30 คนได้รอไม่เกิน 10 นาทีได้ตั๋วค่ะ แต่ค่ะแต่!! เราไม่ต้องรอคิวก็ได้ค่ะ ฟังไม่ผิดค่ะ ! เพราะเค้ามีตู้กดซื้อตั๋วค่ะมีเป็นสิบ ๆ ตู้ค่ะไม่ต้องต่อคิว อยู่ด้านข้างเค้าเตอร์จองตั๋วเลยค่ะกว่าที่คุณจะได้เจอตู้นี้ก็จะพบว่ามันสายไปแล้วอีก 2 คิวก็จะถึงตาคุณได้ซื้อ555555 ตลกร้ายโน๊ะคนฝรั่งเศสเนี่ย ป้ายเป้ยจะช่วยบอกว่ามีไอ้ตู้นี้หน่อยก็ไม่ได้คนเค้าจะได้ไม่ต้องต่อคิวกัน เงิบกันเป็นแถวสิคะรออะไร
สำหรับตั๋วมี 2 ราคาค่ะ แบบแรกเข้าชมพระราชวังอย่างเดียว แบบที่ 2 เข้าชมพระราชวังและสวนค่ะแนะนำว่าให้ซื้อแบบนี้ค่ะ แต่Museum Pass เนี่ยมันไม่รวมชมสวนจะต้องซื้อเพิ่มตรงทางเข้าสวนค่ะ อันนี้คิวไม่ยาวเลยค่ะสบายใจได้
ภายในพระราชวังที่นี่อนุญาตให้ถ่ายรูปได้นะคะ ดีใจมากกกกกค่ะเพราะวังหลาย ๆ ที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายเลยอดเก็บภาพสวย ๆ กลับมาดู หลังจากทัวร์ทั่วด้านในพระราชวังแล้วก็ออกไปชมสวนต่อค่ะ มีรถให้นั่งชมสวนด้วยเค้าก็จะขับไปตามrouteของเค้า หรือเราจะเช่ารถกอล์ฟขับเองก็ได้ซึ่งพัดว่าเป็นทางเลือกที่ดีมากค่ะ
วันที่พัดไปพอเดินเข้าไปในสวนได้แป๊บเดียวฝนก็ตก เลยไม่ได้ชมสวนให้ทั่วเลยค่ะ เสียจุย
กว่าจะจบทัวร์วังก็เย็นแล้วค่ะใช้เวลาเยอะมาก จากนั้นพัดก็ขึ้นรถรีบบึ่งไป Loire Valley ค่ะต้องขับรถต่ออีก 2 ชั่วโมงครึ่ง Loire Valley จะสวยงามน่ารักแค่ไหนรอติดตามชมเร็ว ๆ นี้นะคะ จะรีบเขียนรีบโพสต์ให้เร็วที่สุดค่ะ
Transportation
Airport Transfer พัดจองรถกับโรงแรมที่พักค่ะเพราะเช็คแล้วว่าถูกกว่าตามเว็บ limousine ที่หาเจอทุกเว็บประมาณ 90 ยูโรต่อเที่ยว แต่ว่ารถก็ไม่ได้ดีมากนะคะเป็น Benz V Class ค่อนข้างเก่าและไม่สะอาดมาก ส่วนตามเว็บอื่น ๆ ที่หาเจอก็ 120 ยูโรขึ้นไปค่ะ
ส่วนการเดินทางระหว่างอยู่ที่ปารีสพัดใช้ Uber ตลอดค่ะ ราคาพอ ๆ กับ Taxi แล้วมีรถเยอะมากเปิดเมื่อไหร่ก็เจอไม่ต้องรอรถนานแค่ 2-5 นาทีคนขับพูดอังกฤษได้บ้างไม่ได้บ้าง คนที่พูดได้ก็พูดไม่เก่งงู ๆ ปลา ๆ แต่ส่วนมากเค้าก็ค่อนข้างอัธยาศัยดีพยายามสื่อสาร แต่ก็เจอ Uber นิสัยไม่ดีเหมือนกันค่ะต้องระวัง คนขับUberพวกนี้พอเราเรียกเค้าก็จะขับมาหาเราพอใกล้ ๆ ถึงปุ๊บอยู่ดี ๆ เราก็กดว่าขึ้นรถแล้ว ทั้ง ๆ ที่เรายังรออยู่เลย พวกนี้เค้ากะให้เรากดcancel trip นะพัดว่าได้เงินค่า cancel แล้วยังไม่ต้องไปส่งแถมรอลูกค้าคนถัดไปเรียกต่อได้เลย แย่มากเจอแบบนี้อยู่ 2 ครั้งแถว Montorgueil
Where to Eat
พัดจะเขียนเกี่ยวกับร้านอาหารที่พัดไปทานที่ปารีสอย่างละเอียดที่ article ถัดไปนะคะ รออ่านได้ที่ “Paris Food Tour” ค่ะ สำหรับโซนที่พัดแนะนำในการไปทานอาหารสำหรับใครที่อาจจะยังไม่มีร้านในใจอยากเดินเล่นหาร้านเองพัดแนะนำ 2 ที่ค่ะ ที่แรกคือแถว “Place Vendôme” จะมีร้านอาหาร Cafe Bakery และบาร์เยอะมากค่ะเลือกได้ตามอัธยาศัยร้านสวยเก๋น่ารักมีทุกแนวค่ะ แล้วยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งด้วยค่ะ แถวนี้เดินแล้วเพลินมาก ๆ มีทั้ง brandname ทั้ง hi-street brand ค่ะแต่shopจะไม่ค่อยใหญ่ สู้ร้านแถว Champs-Élysées ไม่ได้ค่ะ ที่ที่ 2 ที่พัดอยากแนะนำก็คือ “Montorgueil” เป็นสถนนสายเล็ก ๆ ที่มีร้านอาหาร ร้านขนม คาเฟ่ ตลอดทางค่ะ ค่ำ ๆ คนมา hangout นั่งดื่มกันเยอะมากถือเป็นย่านที่ happening มากที่นึงเลยค่ะ แต่ตัวเลือกก็อาจจะไม่เยอะเท่าแถว Place Vendôme นะคะ
Weather & What to Wear
ชาวปารีเซียงนี่เค้าแต่งตัวกันดีมากกกกกก ทั้งผู้หญิงผู้ชาย แบบว่าเก๋กันทุกคน แม้แต่คนที่ดูไม่ค่อยแต่งตัวมากก็ยังดู effortlessly chic อะไรแบบนั้นเลย พัดไปช่วงปลายเดือนตุลาคมค่ะอากาศกำลังสบาย ๆ 10 องศาต้น ๆ ยังแต่งตัวสวยกันได้อยู่ค่ะ แต่ที่ต้องระวังก็คือฝนตกบ่อยมาก ๆ ค่ะ แนะนำว่าไม่ควรนำ item ที่โดนฝนไม่ได้มาอย่างเช่นรองเท้ากระเป๋าหนังกลับอะไรแบบนี้ค่ะมีพัง แล้วอย่าลืมพกร่มมานะคะที่นี่ไม่ได้มีแขกขายร่มเหมือนที่โรมค่ะ(ที่เราแค่นึกในใจว่าอยากได้ร่มนางก็จะโผล่มายืนอยู่ตรงหน้าเหมือนเสกได้)
Where to Stay
เนื่องจากพัดอยู่หลายวันเลยพัก 2 ที่คือแถว Champs-Élysées และ Opéra Garnier จุดนี้ไม่รู้จะแนะนำที่พักยังไงดีรู้สึกไม่ต่างเพราะจะไปไหนคุณพ่อคุณแม่ก็เรียก Uber อย่างเดียว แต่ก็ถือเป็น location ที่ดีทั้ง 2 ที่ค่ะเพราะอยู่ใกล้ที่เที่ยว-ที่กิน-ที่ช้อป
Museum Pass
สำหรับใครที่กำลังลังเลว่าเอ๊เราควรจะซื้อ Museum Pass ดีมั้ยน้อออออ ถ้าสำหรับคนที่ชอบพิพิทธภัณฑ์จริง ๆ อยากเข้าทุกอันพัดว่าก็คุ้มอยู่นะ แต่สำหรับตัวพัดเองที่ไม่ได้ชอบขนาดนั้นอยากเข้าแค่บางอันพัดว่าไม่คุ้มค่ะ เพราะในลิสต์ของ Museum Pass ที่บอกว่าเข้าได้นั้นบางแห่งเข้าฟรีอยู่แล้วค่ะ ส่วนมากที่ที่พัดตั้งใจจะไปนั้นฟรีอยู่แล้ว อยากให้เช็คก่อนซื้อว่าอยากไปที่ไหนบ้างแล้วมัน include อยู่ใน package มากน้อยแค่ไหน จะรู้สึกว่ามีประโยชก็ตอนเข้าแวร์ซายที่ช่วยลดเวลาที่ต้องไปต่อคิวซื้อตั๋ว แต่เอาจริง ๆ คิวก็ไม่ได้ยาวขนาดนั้น ถ้าให้สรุปตามความคิดเห็นส่วนตัวพัดว่าไม่คุ้มที่จะซื้อ