อะไรมันจะเริ่ดไปกว่าได้ไปพักผ่อนชมวิวทิวทัศน์สวย ๆ ที่พักเริ่ด ๆ ทานอาหารอิตาเลียนอร่อย ๆ ทุกมื้อ วันนี้พัดจะพาไปรู้จัก Dolomites ซึ่งอยู่บน Italian Alps ในประเทศอิตาลีค่ะ ที่นี่บรรยากาศไม่ว่าจะเป็นวิวทิวทัศน์ ป่าเขา บ้านช่องช่างสวยงามเหมือนกับว่าเราอยู่สวิสซะจริง ๆ
ก่อนหน้านี้พัดไปสวิสมาประทับใจวิวและบรรยากาศที่นั่นมาก ๆ แต่ก็สุดจะกล้ำกลืนกับอาหารสวิสเพราะทั้งไม่อร่อยแถมยังแพงอีกด้วยค่ะ พอมาที่ Dolomites แล้วรู้สึกว่านี่แหละตอบโจทย์สิ่งที่เราต้องการจริง ๆ ฟินทั้งวิว ฟินทั้งอาหาร ถึงเราจะอยู่กันกลางป่ากลางเขาแต่ไม่ต้องห่วงค่ะเพราะแถวนี้ร้านอาหารดี ๆ เยอะมาก ๆ มีทั้งร้านที่ได้รับ Michelin Star และร้าน Michelin Guide มากมาย เพราะที่นี่ถือเป็นที่พักตากอากาศที่เป็นที่นิยมอีกแห่งหนึ่งของไฮโซชาวยุโรปค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวอดอยากแน่นอนแถมยังมีร้านขายเสื้อผ้าเครื่องสำอางแบรนด์เนมให้เลือกช้อปแก้เครียดกันกลางป่าเลยค่ะ
Hotel
พัดพักที่ Hotel Rosapetra Spa Resort ซึ่งเป็นบ้านสไตล์ chalet ที่นำมาปรับให้เป็นโรงแรมค่ะ ห้องพักที่นี่ค่อนข้างเล็กค่ะ พัดเลือกห้องแบบธรรมดาเพราะห้องที่แพงกว่านี้ก็ใหญ่ขึ้นแค่ 2 ตารางเมตรเท่านั้นเองไม่ช่วยอะไรมั้ย -_-‘ ถึงจะเล็กแต่เล็กแบบอัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ห้องสวยสไตล์ rustic ดูอบอุ่น มีระเบียงมองออกไปเห็นภูเขา ข้าวของเครื่องใช้ก็ครบครันค่ะ
ในส่วนของ facility ที่นี่ก็ดีมาก ๆ ค่ะมีทั้งสปา, สระว่ายน้ำน้ำอุ่นในร่ม, steam, saunaมีทั้งแบบ indoor และ outdoor, Turkish Baht, gym, บาร์ และร้านอาหารซึ่งอร่อยมากค่ะ
วันแรกพัดทานอาหารเย็นที่โรงแรมเลยค่ะเพราะอยากพักผ่อนแล้วได้ยินมาว่าร้านอาหารที่นี่ก็ดีงามอยู่ ถ้าเป็นช่วงปกติอาจจะต้องจองโต๊ะค่ะแต่ช่วงที่พัดไปเป็น low season เลยไม่ค่อยมีคน โต๊ะข้าง ๆ เป็นดาราHollywoodมากันเป็นทีมเพราะเค้ามาถ่าย Star War กันแถวนี้ค่ะเลยพักที่โรงแรมเดียวกับเรา มาทานอาหารร้านนี้เจอกันทุกวัน บรรยากาศร้านก็เป็นสไตล์ Rustic อีกเหมือนกันค่ะจะไม้ ๆ แต่ยังคงความ luxury อยู่นะคะ มองออกไปนอกหน้าต่างก็จะเห็นวิวภูเขาและบ้านแบบ chalet โดยรอบโรงแรมค่ะ จริง ๆ มีโซน outdoor ด้วยแต่ช่วงที่พัดไปไม่ได้เปิดให้บริการค่ะ อาหารที่นี่เมนูจะมีไม่เยอะนะคะรสชาติดีเกือบทุกจานที่สั่งเลยค่ะ ส่วนของหวานก็หน้าตาดี creative มากอย่างเมนู “Dolomite” เค้าก็จะทำให้ออกมาหน้าตาคล้ายกับเทือกเขา Dolomite ราชาติก็ดีทีเดียวค่ะ ร้านนี้ให้ผ่านค่ะพัดมาทาน dinner 2 มื้อเลยค่ะ
ส่วนอาหารเช้าของโรงแรมก็ทานที่ห้องอาหารนี้เช่นกันค่ะ อาหารเช้าที่นี่โอเคมาก ๆ ค่ะ selection ค่อนข้างเยอะ Chocolate Croissant อร่อยมาก ๆ พัดทานทุกวัน พนักงานก็คนเดิมกับตอนดินเนอร์นี่แหละค่ะบริการดีงาม
Day 1
วันแรกก่อนที่จะเข้าโรงแรมพัดก็แวะเที่ยวทางผ่านก่อนที่แรกเลยก็คือ จุดชมวิวยอดเขาDolomite ซึ่งจะเป็นภูเขาหิน 3 ยอด เสียดายมากเลนส์ไม่เอื้ออำนวยถ่ายมาแล้วเห็นยอดเขาไกลมากกกก แง กลับไปต้องถอยเลนส์ใหม่ด่วน!
จากนั้นก็ไปยังทะเลสาบที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ของ Dolomite ซึ่งก็คือ Pragser Wildsee หรือ Lake Braies ค่ะ จุดเด่นของทะเลสาบแห่งนี้ก็คือน้ำสีฟ้าคราม(ของจริงสีสดมาก ๆ)ผืนน้ำสะท้อนให้เห็นฉากหลังที่เป็นภูเขาน้ำแข็ง และที่ริมเลคมีบ้านไม้หลังเล็ก ๆ ช่วงหน้าร้อนน้ำจะขึ้นสูงเค้าก็จะมีเรือให้พายค่ะแต่ช่วงที่พัดไปน้ำแห้งมากกก อดค่ะ
ระหว่างทางไปโรงแรมยังมีเลคน่ารัก ๆ อีกแห่งให้แวะค่ะก็คือ Lago di Dobbiaco จริง ๆ ตรงนี้ไม่ได้อยู่ในแพลนของพัดแต่ขับผ่านแล้วเหยยยยมันดูดีย์ ก็เลยแวะซะหน่อย ที่เลคนี้มีโรงแรมและร้านอาหารอยู่ริมเลคด้วยค่ะ ที่พัดชอบมาก ๆ ก็คือมีห่านและเป็ดว่ายน้ำไปมาทำรังกกไข่กันอยู่ริมน้ำดูมีชีวิตชีวามาก ๆ ค่ะคิดไม่ผิดเลยที่แวะจอดรถลงมาเดินเล่นที่นี่
Day 2
วันที่ 2 นี้เราจะขับรถไปตามทะเลสาบใกล้ ๆ ค่ะ ที่แรกที่เราจะไปก็คือ Lago Ghedina จริง ๆ ตั้งใจจะทานอาหารที่ร้านริมทะเลสาบแห่งนี้ด้วยค่ะเพราะเป็นร้านดังร้านนึงเลยแต่ไปถึงร้านปิดค่ะ จอ บอ มาช่วง low season ข้อเสียก็คือร้านอาหารปิดเยอะมาก พัดเลยได้แต่เดินเล่นถ่ายรูป
จากนั้นก็เปลี่ยนแผนไปทานอาหารกันที่ร้าน Ristorante Al Camin Cortina ซึ่งอยู่ใน Michelin Guide ค่ะ เข้าไปในร้านมีแต่คน Italian มาทานกันเต็มร้านเลยค่ะบรรยากาศก็จะบ้าน ๆ หน่อย อาหารรสชาติดีจัดจ้านจนบางจานก็แอบเค็มไปนิดน่าจะถูกปากคนไทยค่ะ รวม ๆ แล้วพัดชอบนะคะ พออิ่มแล้วเราก็ไปเที่ยวต่อค่ะ 😀
จุดหมายต่อไปของเราก็คือ Lago Di Misurina เป็นสะเลสาบสีฟ้าสดอีกเหมือนกันค่ะแต่ช่วงที่พัดไปเมฆเยอะไม่ค่อยมีแดดสีเลยขมุกขมัว ไม่มีเงาภูเขาน้ำแข็งสะท้อนลงมาที่น้ำเหมือนที่ควรจะเป็นเศร้ามากกกก ถ่ายรูปออกมาไม่สวยเหมือนคนอื่นเลย ริมเลคก็จะมีม้านั่งเหมาะมากที่จะมานั่งสวีทกันแถวนี้คริ ๆ XD ลุง ๆ ป้า ๆ ฝรั่งเค้าก็มานั่งมุ้งมิ้งกันแถวนี้หลายคู่อยู่ค่ะ
วันนี้ก็จบทัวร์กันแต่เพียงเท่านี้เป็นวันเที่ยวเบา ๆ แล้วเราก็กลับไปพักผ่อนชิลล์ ๆ ที่โรงแรมค่ะ วันนี้มีเวลาว่างเยอะพัดก็เลยเข้ายิมเล่นโยคะ ต่อด้วยว่ายน้ำ แล้วก็เข้า steam ซะหน่อยค่ะ สบายตัวขึ้นเยอะเลย
ในส่วนของมื้อเย็นวันนี้เราจะเข้าไปในตัวเมือง Cortina Di Ampezzo ค่ะ เป็นเมืองหนึ่งเดียวในหุบเขานี้ มีร้านค้าพอสมควรเลยใครลืมเอาอะไรมามาหาซื้อได้ที่เมืองนี้ค่ะ ใครเก็บกดอยู่ในป่าในเขาแล้วไม่ได้ shopping คันไม้คันมือในเมืองก็มีร้านให้ช็อปนะคะ ทั้งเครื่องสำอาง น้ำหอม เสื้อผ้ากระเป๋าแบรนด์เนม มีร้าน multi-brand ที่เลือกของมาเก๋ไก๋แซ่บมากถึงมากที่สุดด้วย เข้าไปแล้วใจสั่นระรัว ร้านอื่นช่วง low season ปิดเกือบหมดแต่ร้านนี้ยังเปิดอยู่นะคะ fashionista ขาช้อปไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ
มื้อเย็นวันนี้พัดนำเสนอมากกกกกก Il Vizietto Di Cortina เป็นร้านเล็ก ๆ บ้าน ๆ ที่น่ารักอยู่ในหมู่บ้าน Cortina Di Ampezzo แล้วอาหารก็อร่อยม๊ากกก รสชาติดีงามทุกจาน พัดติดใจ butter squash risotto ของเค้าสุด ๆ ค่ะ เนื้อเนียนหวานมันด้านบนโรยเบค่อนทอดกรอบเค็ม ๆ มัน ๆ เข้ากันมาก พูดแล้วก็อยากกลับไปทานอีก
Day 3
หลังจากชิลล์มาหลายวันวันนี้แหละของจริง road trip ยาวทั้งวันขึ้นเขาลงเขาจากข้างทางเป็นป่าอากาศอุ่น ๆ มีเป็ดว่ายน้ำจนกลายเป็นลานหิมะปกคลุมขาวโพลนเพราะเราจะขับรถขึ้นไปถึงยอดเขาแล้วขับวนลงมาค่ะ วันนี้จะเห็นวิวหลายบรรยากาศมาก ขอเตือนสำหรับคนที่ชอบเมารถทานยากันไว้ก่อนเลยนะคะ วันนี้จะได้เจอโค้งหักศอกเป็นร้อยโค้งแน่นอน ใครเคยไปแม่ฮ่องสอนมาแล้วพัดว่าอันนั้นเด็ก ๆ ไปเลยเมื่อมาเจอ Dolomites !
วันนี้ route ของเราก็จะเริ่มจาก Falzarego Pass > Gardena Pass > Sella Pass > Pordoi Pass > Giau Pass ค่ะวนเป็นวงกลมระหว่างทางก็จะมีที่ให้แวะจอดรถถ่ายรูปได้ตลอดทางเลยค่ะ แนะนำว่าเตรียมน้ำและอาหารขึ้นรถมาซะหน่อยก็ดีนะคะเพราะนาน ๆ ทีเราจะเจอร้านอาหารให้แวะ แถมช่วงที่พัดไปร้านก็ปิดเกือบหมดกว่าจะได้ทานอาหารแทบเป็นลม ห้องน้ำก็หายากเหมือนกันค่ะ
พอเที่ยง ๆ พัดก็แวะทานอาหารบนเขาเป็นร้านเดียวที่เปิดเลยก็ว่าได้ค่ะ รสชาติก็แบบทานได้แต่ไม่ได้อร่อยอะไรบริการก็ไม่ค่อยจะโอเคแต่เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วอะนะ
หลังจากกลับลงเขาพัดก็สลบค่ะบอกเลย เหนื่อยมาก ของีบแป๊บแล้วก็ไปออกกำลังกายกันต่อค่ะ วันนี้พัดเอาเสื่อโยคะไปเล่นริมสระน้ำ แขกโรงแรมไม่ค่อยจะมีอยากทำไรไม่มีใครว่าค่ะ 555 เล่นโยคะเสร็จก็ว่ายน้ำต่ออีกซักหน่อยเดี๋ยวจะไม่คุ้มค่าโรงแรมที่จ่ายไป
มื้อเย็นวันนี้ถึงจะอยากเข้าเมืองกลับไปทานร้านเมื่อวานอีกรอบแต่ร่างไม่ไหวแล้วค่ะ เลยจบที่ร้านอาหารที่โรงแรมไปตามระเบียบ ต่อด้วยไปนั่งเล่นดื่มนิด ๆ หน่อย ๆ ที่บาร์ของโรงแรม บาร์เค้าก็บรรยากาศดีใช้ได้เลยนะคะ ที่สำคัญบาร์เทนเดอร์กระตือรือล้นอยากจะชงเครื่องดื่มให้มาก ๆ จะขอดูเมนูก็ไม่ยอมนางอยากจะครีเอตเครื่องดื่มให้ ดูท่าทางคงเก็บกดไม่ได้ทำเครื่องดื่มมาหลายวันละ555 อ่ะ ๆ ตามใจนางหน่อยก็ได้
Day 4
หลังจากทานอาหารเช้าเราก็ check-out เดินทางต่อไปยัง Hallstatt หมู่บ้านสุดโรแมนติก destination สุด hot ของคนไทยเราค่ะ พัดเขียนเรื่อง Hallstatt ใว้แล้วก่อนหน้านี้นะคะตามไปอ่านกันได้เลยค่ะ
Transportation
การเดินทางทั้งหมดของทริปนี้พัดเช่ารถขับค่ะ โดยเริ่มเดินทางจาก Munich แวะ Fussen 1 คืนแล้วตรงมายัง Dolomites เลยค่ะ วิวสองข้างทางสวยงามตลอดทางดูแล้วเพลินใจมาก ๆ ถึงจะใช้เวลาหลายชั่วโมงขับรถแต่ก็ไม่เบื่อเลยค่ะ ที่ Dolomites ได้รับให้เป็นหนึ่งใน Unesco World Heritage อีกด้วยค่ะ และที่นี่ยังติด top 5 ของเส้นทางที่สวยที่สุดในโลกจึงไม่แปลกใจเลยที่ตลอดเวลาที่เราอยู่ที่นี่จะเจอบริษัทรถชั้นนำของโลกมาถ่ายทำโฆษณากันค่ะ
เดิมทีพัดตั้งใจว่าทริปนี้จะเช่ารถสปอร์ตขับเพราะอากาศดีมาก จะได้เปิดประทุนรับลมสูดอากาศบริสุทธ์ตลอดทาง แต่เนื่องด้วยจำนวนและขนาดกระเป๋านั้นใส่รถไม่พอค่ะเลยต้องเปลี่ยนแผลเช่ารถ SUV four wheel drive แทนค่ะ ซึ่งก็คิดถูกมาก ๆ ค่ะเพราะเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นลงเขาตลอดเวลาที่อยู่ที่ Dolomite ขับ SUV ปลอดภัยกว่ามากแล้วก็นั่งสบายกว่าด้วยค่ะ
สำหรับใครที่อยากรู้ว่า Route ของทริปนี้พัดจัดยังไงนะคะเรียงตามนี้เลยค่ะ
- Munich, Germany (บิน Bangkok-Abu Dhabi-Munich) ลงเครื่องแล้วก็ขับตรงไป Neuschwanstien Castle เลยค่ะ
- Neuschwanstien & Fussen, Germany ค้าง 1 คืนที่ Fussen
- Dolomite, Italy ค้างที่ Cortina Di Ampazzo 3 คืน
- Hallstatt, Austria ค้าง 2 คืน
- Salzburg, Austria ค้าง 1 คืน
- Munich, Germany ค้าง 1 คืนแล้วบินกลับ (Munich-Abu Dhabi-Bangkok)
สำหรับทางระหว่างเยอรมันมายัง Dolomite ถึงจะใช้เวลาหลายชั่วโมงแต่ก็สวยงามตลอดทางค่ะ มีที่ให้แวะซื้อขนม เข้าห้องน้ำ จิบกาแฟอยู่เรื่อย ๆ ไม่น่าเบื่อเลยค่ะ