Salzburg หนึ่งเมืองสำคัญในประเทศออสเตรีย  เมืองนี้เค้ามั่งคั่งร่ำรวยมากจากการทำเหมืองเกลือซึ่งเป็นของที่มีค่าและราคาแพงในสมัยก่อน  และที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็เพราะเป็นบ้านเกิดของ Wolfgang Amadeus Mozart นักประพันธ์ดนตรีคลาสสิค เมืองนี้ก็จะมีสาระพัดสิ่งที่เกี่ยวกับ Mozart และยังเป็น location ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Sound of Music ค่ะ  ที่นี่เค้ามีขายทัวร์ตามรอย Sound of Music กันเลยทีเดียว  ฝรั่งเค้าก็คงจะฮิตและอินเหมือน ๆ กับที่บ้านเรามีทัวร์ตามรอยซีรี่ย์เกาหลีอะไรแบบนั้นค่ะ XD  ส่วนตัวพัดชอบเพลงคลาสสิคมาก ๆ แต่ก็ไม่ได้อินอะไรกับทั้ง Mozart และ Sound of Music อะไรกับเค้าเลย  แต่ที่อยากมาเที่ยวที่นี่ก็เพราะเป็นเมืองที่สวยงามและมีสเน่ห์มาก ๆ ค่ะ  พัดอยู่ที่เมืองนี้ 2 วันหนึ่งคืนเท่านั้นค่ะแอบเสียดายน่าจะอยู่นานกว่านี้สักหน่อย

พัดพักที่โรงแรม Hotel Sacher Salzburg คือมันมีความหรูหราคลาสสิคเข้าไปแล้วสามารถสัมผัสได้ถึงความเก่าแก่ของโรงแรมนี้  ถึงแม้โรงแรมจะมีการปรับปรุงตกแต่งใหม่แต่ก็ยังมีความขลังและคงความมีสเน่ห์ในแบบของตัวเองค่ะ โรงแรมนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 1866 รวมก็กว่า 150 ปีแล้วค่ะ รับรองแขกบ้านแขกเมืองมามากมายไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์จากประเทศต่าง ๆ ผู้บริหารประเทศ ดารานักร้อง  และผู้มีชื่อเสียงมากมายหลายต่อหลายยุค  มาถึงเมืองที่แสนจะสุนทรีย์ขนาดนี้ก็ต้องพักที่นี่แหละค่ะได้บรรยากาศมาก ๆ นอกจากนี้ โรงแรมนี่ยังเป็นต้นตำรับเค้กชื่อดัง Sacher Cake หรือเค้กช็อโกแลตที่ใครไปเวียนนาก็ต้องซื้อกลับมาเป็นของฝากค่ะ และ location ของโรงแรมนี้ก็จัดว่าดีมากกกกกกก  อยู่ติดริมแม่น้ำSalzach  เดินข้ามสะพานไปก็เป็นเขตเมืองเก่าแหล่งท่องเที่ยวและช็อปปิ้งแล้วค่ะ  และที่ดีงามที่สุดก็คืออยู่ใกล้กับ Schloss Mirabell ที่เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่โด่งดังที่สุดของเมืองนี้ค่ะ  แค่ข้ามถนนไปก็ถึงแล้วค่ะใกล้สุด ๆ  ที่โรงแรมมีบริการ Valet Parking ด้วยค่ะสะดวกสุด ๆ มาจอดรถหน้าโรงแรมแล้วก็เดินตัวปลิวเข้าไป check-in ได้เลยค่ะที่เหลือไม่ว่าจะกระเป๋าสัมภาระและรถของเราพนักงานเค้าก็มาดูแลให้หมดค่ะ

ในส่วนห้องพักก็แสนจะดีงาม  อยากยกห้องนี้ไปไว้ที่บ้านเลยค่ะ555  สวยมาก  ข้าวของเครื่องใช้ครบครัน เตียงผ้าห่มหมอนนุ่มสบายยยยย มีน้ำดื่ม ผลไม้ และ Sacher Cake จิ๋วให้คนละชิ้นค่ะ  ห้องที่พัดพักไม่มีระเบียงนะคะแต่มีหน้าต่างที่มองออกไปก็จะเจอแม่น้ำและวิวฝั่งเมืองเก่าสวยงามมากค่ะ  ที่พัดชอบอีกอย่างคือโรงแรมนี้เค้าบริการเลอเลิศและใส่ใจทุกรายละเอียดจริง ๆ พอหัวค่ำเรากลับเข้ามาเค้าก็จะมา turn down ห้องไว้ให้แล้ว  ปูผ้าเช็ดเท้าใว้ให้ข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งและวาง slippers ไว้ให้ด้วยค่ะ  เก็บห้องให้เป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ๆ ปลื้มมมม

ช่วงบ่ายพัดออกไปเดินเล่นในเมือง  เดินข้ามสะพานหลังโรงแรมไปก็ถึงค่ะ  ที่สะพานนี้จะมีคนมาคล้องกุญแจตลอดทางเลยค่ะและเป็นจุดชมวิวที่สวยมาก ๆ จุดนึงค่ะ  พอเข้าไปยังเขต Altstadt (old town) ซึ่งเป็น UNESCO World Heritage Site ก็จะเจอกับร้านค้ามากมายและสิ่งหนึ่งที่แฝงตัวอยู่ในนี้ก็คือบ้านเกิดของ Mozart ค่ะ  เป็นตึกสีเหลืองสดดู ๆ ไปจริง ๆ ก็เหมือนตึกแถวธรรมดาของละแวกนี้เดินผ่านไปแทบจะไม่สังเกตุเห็นแต่ที่ทำให้เราเอะใจหันไปมองก็คือจะมีคนมามุงถ่ายรูปกันเต็มไปหมดค่ะ   เดินเข้าไปอีกหน่อยก็จะเจอโบสถ์สำคัญของเมืองอีก 2 แห่งก็คือ Salzburg Cathedral (Dom) และ St. Peter’s Abbey

ตกบ่ายเราก็แวะ Cafe Tomasselli จิบกาแฟทานขนมกันซักหน่อย  ร้านนี้ก็เป็นอีกร้านเก่าแก่ของเมืองค่ะ  พอมานั่งเค้าจะมีแต่เมนูเครื่องดื่มและไอศครีมให้ค่ะส่วนขนมก็จะใส่ถาดใหญ่ยกมาให้เลือกถึงโต๊ะเลยค่ะ  พนักงานร้านนี้ส่วนมากก็จะเป็นลุง ๆ ป้า ๆ ดูท่าจะอยู่กันมานานแล้ว  ขนมที่พัดสั่งมาอร่อยทุกอย่าง เครื่องดื่มก็โอเคเลยค่ะ

มื้อเย็นวันนี้เราไปทานกันที่ร้าน Restaurant Esszimmer เป็นอาหาร Fusion Austrian Food ค่ะ  ไม่ Austrian จ๋าไม่งั้นพัดไม่ไหวค่ะไม่ค่อยเก็ตอาหารประเทศนี้เท่าไหร่รู้สึกไม่ถูกปาก  แต่ร้านนี้โอเคเลยค่ะ  อร่อย  แขกส่วนมากในร้านเป็นคนlocal  ทางโรงแรมที่พัดพักก็แนะนำร้านนี้ค่ะบอกว่าเริ่ชอยู่

เช้าวันต่อมาเราก็ไปสวนที่เป็นฉากในภาพยนตร์เรื่อง Sound of Music ก็คือ Mirabell Garden ซึงอยู่ในบริเวณพระราชวัง Schloss Mirabell หน้าโรงแรมเรานี่เองค่ะ  จริง ๆ แล้วพัดไปมาแล้วรอบนึงเมื่อวานนี้ตอนเย็นแต่คนเยอะม๊ากกกกกกกก เห็นแล้วเวียนหัว  แถมถ่ายรูปไม่สวยเลยติดคนทุกตารางเมตรเลยต้องยอมแพ้ถอดใจค่อยมาใหม่แต่เช้าค่ะ

จากนั้นค่อยเดินกลับมาทานอาหารเช้าที่โรงแรมที่ Cafe Sacher จริงจังแค่ไหนคิดดู  ตื่นแต่ไก่โห่ไปถ่ายรูปที่สวนก่อนแล้วค่อยกลับมาทานอาหารปกตินี่ถ้าพัดไม่ทานอาหารเช้าไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อได้นะ555  เพื่อรูปสวย ๆ ใน blog ของเรา ยอม!!  อาหารที่พัดสั่งค่อนข้างเบสิกรสชาติก็ใช้ได้ไม่ได้อร่อยน่าประทับใจอะไร  แต่บรรยากาศนี่ยอมเค้าเลยค่ะ

ก่อนจะอำลาเมืองนี้พัดก็แวะซื้อ Sacher Cake กลับไปเป็นของฝากซะหน่อย  ที่โรงแรมพัดมีร้านขายแบบทำเป็นของฝากโดยเฉพาะ packaging ดีงาม

Transportation

ทริปนี้พัดเช่ารถขับตลอดทริปค่ะ  ขับจาก Hallstatt มายัง Salzburg ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง  แต่พอมาถึงเมืองนี้ก็ไม่ได้ขับรถอีกเลยค่ะ  เมืองไม่ใหญ่เดินได้อยู่ค่ะและในเขต Old Town ก็ไม่อนุญาติให้ขับรถเข้าไปค่ะ  จะมีเมื่อย ๆ เดินไม่ไหวก็เรียก taxi กลับโรงแรมซึ่งหาไม่ยากค่ะมี taxi stop อยู่หน้า old town เลย

ส่วนเรื่องที่จอดรถก่อนมาพัดเช็คแล้วว่าทางโรงแรมมีที่จอดค่ะแต่ก็เสียเงินนะคะตกประมาณวันละ 1000 กว่าบาทเลยทีเดียวแพงอยู่เหมือนกันค่ะ

Where to Stay

พัดว่าในเขต Old Town ก็เป็นอีก location ที่ดีที่จะพักค่ะเพราะเหมือนเป็นจุดศูนย์กลางของแหล่งท่องเที่ยวเลยค่ะ  ร้านอาหารร้านค้าก็เยอะ  ส่วนโรงแรมทีี่พัดพักอยู่อีกฝั่งก็จริงแต่ใกล้มาก ๆ ค่ะแถมติดกับสะพานข้ามฝั่งเลยด้วยสะดวกมากแล้วยังมองเห็นวิวฝั่ง old town ด้วยค่ะสวยมาก ๆ จุดนี้คงไม่ต้องบอกแล้วล่ะว่าพัดแนะนำโรงแรม  Hotel Sacher Salzburg มั้ยแหมปลื้มขนาดนี้สุดจะประทับใจ  คราวหน้าถ้ามาเมืองนี้อีกก็ยังอยากมาพักโรงแรมเดิมนะ

What to Wear

ช่วงที่พัดไปอากาศดีมาก ๆ ค่ะ (เดือนพฤษภาคม) กลางวันแต่งตัวตามสบายได้เลยไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาวอากาศกำลังดีมีแดดค่ะ  ส่วนกลางคืนก็ควรต้องมีเสื้อตัวนอกค่ะเพราะอากาศค่อนข้างเย็น  ในส่วนของรองเท้าใครใคร่จะใส่ส้นสูงอันนี้ก็ไม่ว่ากันนะเพราะทางเดินดีมาก ๆ แล้วเมืองก็ไม่ได้ใหญ่มาก  แต่ส่วนตัวพัดไม่ไหวค่ะขอใส่ flat ละกัน

Where to Eat

พัดอยู่แค่ 1 คืนเลยได้ลองอาหารน้อยมาก ๆ ร้านแรกเลยก็คือ Cafe Tomasselli พัดชอบนะคะร้านน่ารักขนมก็อร่อย  แต่ติดอยู่อย่างเดียวตรงการบริการพนักงานน้อยกว่าจะได้สั่งอะไรทีรอนานมาก  แล้วเค้าก็ไม่ได้มี service mind อะไรกันเท่าไหร่จะเรียกทีก็แอบกลัวโดนคุณป้าเหวี่ยงเอาอยู่เหมือนกันค่ะ  ร้านต่อมา Restaurant Esszimmer รสชาติดีนะคะแต่ไม่ได้ wow อะไร ถ้าเทียบกับราคาที่สูงพอสมควรก็อาจจะไม่คุ้มค่ะ  แต่ร้านนี้บริการดีมาก ๆ ค่ะพนักงานทุกคน friendly มาก ต่อมาร้านสุดท้าย Cafe Sacher พัดชอบบรรยากาศร้านนี้มาก ๆ แต่อาหารเช้ารสชาติธรรมดามาก  แล้วพัดก็ไม่ได้ลองอาหารหรือขนมอย่างอื่นเลยนอกจาก Sacher Cake ของเค้าเอาเป็นว่าใครอยากมาซึมซับบรรยากาศร้านกาแฟแบบออสเตรียนแท้ ๆ แล้วได้ทาน Sacher Cake แบบ Original ที่ร้านต้นตำรับล่ะก็ลองมาจิบกาแฟทานขนมกันดูค่ะ