ใครยังไม่ได้อ่าน EP.1 พัดขอเกริ่นเบา ๆ ว่าทริปนี้การท่องเที่ยวปารีส Paris Tourisme และบริษัททัวร์สุดเจ๋งของไทย World Surprise Travel เชิญมาเปิดประสบการณ์สุดพิเศษที่ปารีสพาเที่ยวแบบ exclusive ที่สุดจัดทุกอย่างที่ว่าเริ่ดมาให้หมดค่ะ ไม่พูดพร่ำทำเพลงดีกว่ามาขอเล่าต่อจาก Paris is always a good idea EP.1 เลยค่าาาา
DAY 4
วันนี้เราย้ายโรงแรมมาพักกันที่ Hôtel l’Echiquier เป็น boutique hotel เล็ก ๆ อีกแห่งในเครือโรงแรม Accor ค่ะ โรงแรมนี้จะใหญ่กว่าที่แรก ห้องขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ข้าวของเครื่องใช้ครบครันเหมือนเดิมค่ะ แต่ที่พัดชอบเป็นพิเศษคือห้องอาหารสำหรับทานอาหารเช้าบรรยากาศดีเหมือนทานอาหารอยู่ในสวนค่ะ
วันนี้เราเริ่มออกตัวกันแต่เช้าไป Montmarte ค่ะย่านนี้เป็นหมู่บ้านที่พัดชอบมากที่สุดในปารีสก็ว่าได้ค่ะ ที่นี่เป็นหมู่บ้านของศิลปินค่ะเพราะฉะนั้นเราก็จะเห็นรูปภาพและงานศิลปะต่าง ๆ วางขายกันเต็มไปหมดค่ะ รวมทั้งยังมีคาเฟ่เก๋ ๆ สไตล์ปารีเซียงให้เราแวะจิบกาแฟจิบไวน์ทานเครปตลอดทางค่ะ
แต่ที่ใครหลาย ๆ คนยังไม่รู้ก็คือก่อนที่จะมาเป็นหมู่บ้านศิลปินอย่างทุกวันนี้ที่มงมาร์ตเคยเป็นแหล่งทำไวน์ ทำไร่องุ่นมาก่อนค่ะแต่ตอนนี้แทบไม่มีเหลือแล้วค่ะเหลืออยู่แปลงเดียวที่พัดจะพาไปดูค่ะ
อีกจุดที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมาเช็คอินถ่ายรูปก็คือกำแพงนี้ค่ะ Wall of Love กำแพงสีน้ำเงินที่มีตัวหนังสือเขียนคำว่า “I love you” สาระพัดภาษาเต็มกำแพงไปหมดค่ะ ใครมากับคนรักอย่าลืมพามาถ่ายรูปสวีท ๆ นะคะ
เดินกันจนทั่วหมู่บ้านแล้วก็เริ่มหิววันนี้เราจะไปทานอาหารกันที่ร้านดัง Les Ombres อยู่ในพิพิทธภัณฑ์ Quai Branly ร้านนี้พัดปลื้มมากเลยทีเดียวเพราะร้านนี้วิวดีเว่อร์เห็นหอไอเฟลด้วยค่ะ แถมอาหารยังอร่อยและหน้าตาดีสุด ๆ
จากนั้นเราก็ไปเยี่ยมชมพิพิทธภัณฑ์ Musée du quai Branly ถ้าใครเป็นสายมูเตรูต้องชอบที่นี่ค่ะเพราะเค้ารวบรวมของที่เกี่ยวกับไสยศาสตร์จากทั่วโลกมาไว้ที่นี่ จากไทยก็มีเหมือนกันนะคะเช่นพวกหน้ากากผีตาโขนเครื่องรางของขลัง
ในส่วนอาหารเย็นวันนี้เราจะไปล่องเรือชมกรุงปารีสกันพร้อมกับอาหารอร่อย ๆ กันกับเรือของ The Bateaux Parisiens ค่ะ เรือเค้าบรรยากาศดีมาก ๆ ค่ะแถมเรายังได้โต๊ะวิวดีที่สุดของเรืออีกด้วยบอกแล้วมาทริปนี้ไม่มีคำว่าธรรมดา XD
DAY 5
จริง ๆ แพลนของเราวันนี้ปังม๊ากกกกก ถือว่าเป็นไฮไลท์ของทริปเลยก็ว่าได้ค่ะเพราะเราจะนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปทานข้าวกันที่นอกเมืองเกร๋ป่ะล่ะ แต่อากาศไม่เป็นใจอย่างรุนแรงค่ะลมแรงมว๊ากกก แพลนเราก็เลยล่มต้องนั่งรถไปแทนแต่เรายังมีความหวังค่ะว่าบ่าย ๆ ถ้าอากาศดีเราจะได้นั่งกลับปารีส
แต่ถึงจะไม่ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ไปแต่สถานที่ที่เราจะไปวันนี้ก็ไม่ธรรมดาค่ะ เพราะเราจะไปกันที่ Abbaye des Vaux de Cernay ซึ่งเคยเป็นโบสถ์เก่าอายุหลายร้อยปี ภายหลังมีมหาเศรษฐีมาซื้อไปบูรณะและตกแต่งใหม่ให้เป็นบ้านพักอากาศและรีสอร์ทตามลำดับค่ะ แต่ที่นี่ก็ยังคงสภาพส่วนที่เคยเป็นโบสถ์ไว้อย่างดีค่ะ ที่สวยงามมาก ๆ ค่ะเป็นอีกที่ที่พัดประทับใจมากของทริปนี้ค่ะคิดว่าต้องกลับมาอีกครั้งแน่นอนค่ะ
นอกจากจะมาเยี่ยมชมแล้วเรายังมาทานอาหารกลางวันกันที่นี่ด้วยค่ะ
ระหว่างเดินเล่นชมสถานที่ก็ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์บินมาลงจอดค่ะ กรี๊ดมากกกกกก พวกเราทุกคนแบบตายแล้ววววชั้นจะได้นั่งฮอกลับปารีส ว่าแล้วก็ควักกล้องมากระหน่ำถ่ายรูป พอเครื่องลงจอดเท่านั้นแหละค่ะ…เค้ามาขอจอดกลางทางค่ะเพราะลมแรงมากจนบินต่อไม่ได้ สรุปไม่ใช่ลำของเราค่ะต้องนั่งรถกลับตามเดิม เฟลและหน้าแตกเต็ม ๆ 555
ถึงแม้จะไม่ได้นั่งฮอแต่วันนี้เราจะได้ไปช็อปปิ้งย้อมใจค่ะเพราะเราจะไป Galeries Lafayette กันต่อ ที่นี่ใคร ๆ ก็คงรู้อยู่แล้วว่าเค้าเป็นห้างดัง ห้างเก่าแก่ของปารีส พัดมาช่วงก่อนถึงคริสมาสต์พอดีเลยได้ดูต้นคริสมาสต์มากาฮองมันนั่ลล๊ากกกกกกก แถมสักพักเค้าก็จะเปิดเพลงมีเหล่าขนมออกมาลอยไปลอยมา เด้งไปเด้งมาในอากาศ มุ้งมิ้งที่สุด ดูกี่รอบก็ยังเพลินตา
และแน่นอนว่ามาที่นี่ก็ต้องไม่ธรรมดาอีกแน่นอนเพราะเราจะได้ไปนั่งช็อปชิลล์ ๆ ในห้อง VIP มี personal shopper เอาของมาให้เลือกถึงที่ อยากได้อะไรบอกพวกนางค่ะ นางจะจัดมาให้ถึงที่ ระหว่างนั้นก็นั่งจิบแชมเปญทานมากาฮองและฟัวกราส์รอแบบสวย ๆ ไปค่ะ(สะบัดบ๊อบเบา ๆ 2 ที) หรือถ้าอยากออกไปเดินเลือกเองแค่บอกว่าอยากได้อะไรไปร้านไหน personal shopper ของเราจะพาไปถึงที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินหลงเดินหาร้านให้เสียเวลาค่ะเพราะห้างเค้าใหญ่มากจริง ๆ
จากนั้นก็ถึงเวลาที่เราเฝ้ารอค่ะก็คือไปดินเนอร์บนหอไอเฟลที่ร้าน Le Jules Verne ปกติร้านนี้ต้องจองล่วงหน้ากันร่วมครึ่งปีนะคะไม่ใช่อยากจะมาก็มาได้ค่ะ แต่แน่นอนว่ามากับ World Surprise และ Paris Tourisme อะไรก็เกิดขึ้นได้
อาหารที่นี่เป็นอาหารฝรั่งเศสและเป็นเซ็ตเมนูค่ะ เราจะสั่งไม่ได้นะคะแต่แจ้งได้ว่าไม่ทานอะไรค่ะ
DAY 6
วันนี้เราก็ต้องเดินทางกลับแต่เช้าค่ะ เวลาแห่งความสุขได้หมดลงแล้ว ฮือออออออ ขากลับเราก็เดินทางด้วย“การบินไทย”เหมือนเดิมค่ะ คราวนี้แอบประทับใจสายการบินบ้านเรามาก ขอเท้าความก่อนว่าพัดเนี่ยชอบนั่ง window seat มากทางสายการบินเค้าก็เลยจองที่นั่งริมหน้าต่างให้แล้วด้วยความที่ไฟลท์ไม่เต็มทางเคาเตอร์เช็คอินเค้าก็น่ารักมากบอกว่าเดี๋ยวเว้นที่นั่งตรงกลางให้นะคะจะได้นั่งสบาย ๆ ไม่เบียดกับคนข้าง ๆ เพราะที่เหลือเยอะค่ะ พอขึ้นมาบนเครื่อจู่ ๆ คุณป้าที่นั่งข้าง ๆ (ซึ่งคือต้องนั่งถัดไป 1 ตัว) อยู่ ๆ นางมานั่งติดเราเฉยเราก็แบบงงมากก็ถามนางแบบสุภาพ ๆ ว่าขอโทษนะคะที่นั่งคุณน่าจะเป็นอันนั้นนะคะ(ชี้ไปที่ตัวข้าง ๆ) นางก็บอกว่าไม่ใช่ ที่นั่งนางอันนี้ต่างหาก เราก็คิดในใจว่าจะอันนี้ได้ไงในเมื่อเคาเตอร์เชคอินเค้าเว้นไว้ให้ แล้วเค้าเว้นเกือบทุกแถวเลยค่ะไม่ใช่แค่ของพัด คือจริง ๆ จะนั่งติดกันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่ๆๆๆๆๆๆ คุณป้าเค้าตัวเหม็นม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ก.ไก่ล้าน ๆ ตัว อันนี้บอกเลยว่าไม่ได้เว่อร์ทนนั่งจนเครื่องขึ้นเสร็จจนสัญญาณรัดเข็มขัดดับเกือบเป็นลม(หรือมันเป็นแผนของมนุษย์ป้าเพื่อขับไล่คนรอบข้างให้นางครองที่นั่งทั้งแถวเพื่อนอนยาว555) จนสุดท้ายพัดเลยต้องไปขอความช่วยเหลือจากแอร์โฮสเตสค่ะ ก็บอกเค้าตรง ๆ ว่ากลิ่นรุนแรงมากค่ะไม่ไหวจริง ๆ ขอย้ายที่ได้มั้ยคะ แอร์เค้าก็น่ารักมากเข้าใจเป็นอย่างดี(แถมเดินมาพิสูจน์กลิ่นแบบเนียน ๆ ด้วย)แล้วก็ช่วยกันหาที่ให้ใหญ่เลย พัดเลยได้ย้ายไปนั่งที่อื่นที่อากาศไม่เป็นพิษ ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่ “ใครว่าแอร์การบินไทยบริการคนไทยไม่ดีทางนี้ขอเถียงขาดใจเลยค่ะ”